บทสรุปเกม Devil May Cry 4 สมบูรณ์ พร้อมบทพูดคุยทั้งหมด

บทสรุปเกม Devil May Cry 4 สมบูรณ์ พร้อมบทพูดคุยทั้งหมด

Posted by RPG Gamer Wheel


By – Decibel per - oxide
บทสรุปเกม Devil May Cry 4
ณ. เมือง ฟอลทูน่า มีลัทธิดาบมาร Maken Kyodan ที่ช่วยปกป้องมนุษย์จากการโจมตีของจักรพรรดิมารมาเทย์ และ เนโร แองเจลโร่ อัศวินศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิดาบมารกำลังรีบเร่งที่จัดการพวกปีศาจตามหน้าที่ ให้ทันเวลาก่อนที่การแสดงบทสวดที่แสนจะไพเราะของ ไคลี่ สาวคนรักที่ โรงละคร โอเปร่า จะจบลง แต่เนโรก็มาได้ทันเวลา ในขณะที่บทสวดจบลงและเหล่าสาวกกำลังฟังคำสั่งสอนของ ศาสดา Sanctus อยู่ๆ ดันเต้ ก็บุกเข้ามาและสังหาร Sanctus ทันทีทำให้เหล่าทหารสาวกรีบเข้าไปคุ้มครองแต่ก็สายเสียแล้ว ในขณะที่ Credo หัวหน้าองค์รักษ์ได้คุ้มครองออกด้านนอกจึงสั่งให้ เนโร เข้าไปจัดการกับดันเต้ทันที
เนื้อเรื่อง เนโร แองเจลโร่
Mission 01 : Birds of a Feather
ตอนนี้จะเป็นการเรียนรู้การต่อสู้ให้ทำตามไปเรื่อยๆแล้วก็จัดการกับดันเต้ซะ เมื่อพลังหมดเค้าก็จะหนีไปเอง 




Boss Dante
 



Mission 02 : L’ A PORTE DE L’ ENTER



ออกมาจากโรงละครโอเปร่าแล้วจัดการศัตรูให้หมดเข้าประตูไปตามทางในห้องด้านใน ห้องโถงเก็บไอเทม Evil Legacy ที่เสาแล้วจะทำให้เดวิล แฮนด์สามารถเกาะไปตามที่ให้เกาะได้ ไปยืนที่แท่นฟ้าแล้วกด R1 + O ก็จะทำให้เกาะขึ้นไปบนที่สูงได้ จากนั้นกลับออกมาด้านนอกแล้วเกาะไปอีกด้านจนถึงทางเข้าตึกอีกตึกอีกตึกนึง จากนั้นวิ่งผ่านตัวเมืองไปจนถึงท่าเรือ Caerula ไปอีกด้านของเรือเข้าไปในอาคารแล้วฟันสวิตซ์แล้วขึ้นไปด้านบนออกไปเปิด สวิตซ์สะพานให้มันลงมาแล้วกลับมาที่สะพานที่เปิดออกข้ามไปอีกด้านในเข้าไป ด้านในจะเป็นเส้นทางเหมืองผ่านไปด้านบนจะออกมาที่ชานเมือง Freeum เดินเข้าไปพบ Boss Berial

Boss Berial


Mission 03 : The White Wing

เดินทางผ่านเหมืองจนมาถึงเส้นทางหิมะจัดการศัตรูที่ออกมาแล้วไปที่ปราสาท Fortuna Castle ด้านในจะพบกับ กลอเรีย คุยแล้วเธอก็จะเดินจากไปเข้าไปในชั้นล่าง Grand Hall แล้วเข้าประตูทางขวาไปส่วนในแล้วไปที่ส่วน Torture Chamber ไปตามทางบันไดขึ้นด้านบนแล้วดึงตัวขึ้นไปตามทางแล้วเข้าไปที่ซอกขวาของกำแพง จะออกมาที่ส่วน Grand Hall ด้านบนฝั่งซ้ายแต่จะมีบาเรียกั้นอยู่ จากนั้นเข้าไปตูทางซ้ายไปต่อไปตามทางจนถึงน้ำตก ฟอร์ริส แล้วอ้อมไปเข้าทางประตูอีกด้านแล้วจะสามารถมาออกที่ Grand Hall ด้านบนฝั่งขวาได้ จากนั้นฟันสวิตซ์จะทำให้บาเรียหายไปก่อนแล้วเข้าประตูเขียวฝั่งขวาไปที่ห้อง แสดงภาพแล้วทะลุออกมาอีกด้สนจนมาถึงห้องสมุดจัดการพวก White Knight ที่ออกมาให้หมดแล้วเข้าไปเก็บไอเทม Anima Mercury มา

Boss White Knight

Mission 04 : Cold Blooded


ไอเทม Anima Mercury ที่ได้มาจะทำให้เมื่อสำรวจกระถางเหล็ก Gyro Blade จะทำให้มีใบมีดออกมาแล้วจะสามารถกระแทกมันไปทำลายสิ่งที่แข็งๆได้ จากนั้นกลับลงมาที่ Grand Hall จะพบกล่องฟ้าๆอยู่กลางห้องให้ใช้ Gyro Blade ตรงบันไดกระแทกทำลายมันซะจะมีแท่นกระโดดอยู่แต่มันยังไม่ทำงาน จากนั้นเข้าไปที่ห้องด้านในใช้ Gyro Blade ทำลายกล่องจะได้ Gyro Blade มาอีกอันนึงเป้นสามอันแล้วไปที่ห้องดินเนอร์จะพบลุกไฟพุ่งออกมาตลอดให้ใช้ Gyro Blade ในนั้นบังไฟแล้วกระแทกไปทำลายที่ยิงไฟจนพังแล้วออกไปที่ทางออกจัดการศัตรูใน ห้องให้หมดแล้วเปิดสวิตซ์ประตูออกเอา Gyro Blade ในนั้นกระแทกออกมาด้านนอกแล้วเอามันไปรวมกันที่หน้าประตูทางเหนือให้ครบ 4 อันเพื่อเปิดประตู เข้าไปจนถึง Central Courtyard จะพบ Boss Bael จัดการมันแล้วจะได้ Rusalka Corpse มา


Mission 05 : TRISAGION


เริ่มต้นที่สุสานทหารเข้าไปด้านในตามทางจนถึงห้องด้านในผ่านไปยังห้อง โถงกลางเปิดสวิตซ์ทางเชื่อมแล้วใช้ Gyro Blade ทำลายแท่นจนตกลงไปด้านล่างจัดการศัตรูให้หมดแล้วเก็บไอเทม Wing Talisman มาจะทำให้แท่นกระโดดสามารถทำงานได้แล้ว จากนั้นโดดกลับมาด้านบนแล้วกลับไปที่ Grand Hall แล้วเหยียบแท่นกระโดดไปบนโคมไฟเนโรจะฟันให้มันไปกระแทกรุปจนพังทำให้เห็นทาง ลับออกมา เข้าไปด้านในตามทางจนถึงห้องทดลองใต้ดิน และจะพบว่าประมุข Sanctus ยังไม่ตายเพราะเค้าเป็นปีศาจ

Mission 06 : Resurrection


โดดลงไปตามทางด้านล่างจนถึง R & D Access จะพบท่อขนาดใหญ่และศัตรูชนิดใหม่เริ่มออกมาจากนั้นไปตามทางจนถึงห้องเกม ที่ต้องทอยเต๋าให้ตุ๊กตาเนโรไปถึงที่หมาย โดยถ้าตกสีแดงจะเจอศัตรูออกมา จากนั้นเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้อง Containment Room พบ Boss Agnus



เมื่อจัดการทำลายกระจกลงได้เข้าไปด้านใน เนโร จะได้พลัง D.T มาใช้จากดาบ Yamato จากนั้นทะลุห้องทดลองมาจนถึงน้ำตก เฟอร์ริส ฟันสวิตซ์เขื่อนกั้นน้ำและทำให้สะพานยื่นออกมา จากนั้นขึ้นไปด้านบนแล้วไปที่ทางเข้าตรงรูปภาพใน Grand Hall แล้วเข้าประตูทางขวาหรือซ้ายก็ได้เพื่อมาที่น้ำตก เฟอร์ริส แล้วข้ามสะพานไปเข้าทางลับหลังน้ำตกแล้วจะออกมาที่ป่า

Mission 07 : The She - Viper


ที่ป่าจะพบกับดันเต้ก่อนแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงวิหารร้างแล้วขึ้นไปด้านบน ฟันสวิตซ์เพื่อทำทางไปด้านบนต่อแล้วฟันสวิตซ์ทำทางวาร์ปไปจนถึงประตูอีกฟาก นึง

เข้ามาจะเป็นเขตแม่น้ำ Lapis แล้วไปตามทางจนพบที่ที่มี Gyro Blade เอามันไทำลายที่กั้นแล้วไปต่อจนถึงประตูโดยระหว่างทางจะพบงูยักษ์ตามมาทำ ร้ายให้รีบหนีมาจนถึงอีกฝั่งนึงแล้วเดินทางเข้าไปจนถึงส่วน She – Viper จะพบ Boss Echidna

Boss Echidna

จัดการมันได้แล้วจะได้ไอเทม Sephirothic Fruit ที่สามารถเอาไว้ทำลายซากตั้นไม้เพื่อเปิดทางไปต่อได้


Mission 08 : Profession of Faith


เริ่มแล้วไปตามทางที่สามารถทำลายต้นไม้ทำทางไปใหม่ได้จนถึงวิหารร้างแล้ว ทำลายต้นไม้ที่ชั้นล่างเพื่อไปต่อจนมาถึงป่าต้องห้ามและทางวนให้เดินดังนี้ ( ทิศทางดูตามแผนที่ด้านขวาล่างของจอน๊ะคับ ขวา – ล่าง – บน )



เมื่อผ่านไปได้แล้วเดินทางมาจนถึงสะพาน Album ข้ามไปจะพบ Boss Angelo Credo จัดการมันแล้วจะได้ไอเทม Aegis Shield มา

Mission 09 : For You

เข้าไปจนถึงทางเข้าวิหารจะพบทหารชุดเกราะอมาต้อนรับจัดการแล้วเข้าไปด้านใน หลบแสงเลเซอร์เพื่อขึ้นบันไดทางขวาไปจัดการศัตรูให้หมดเก็บไอเทม Key of Cronus มาไอเทมนี้จะสามารถทำให้ใช้แท่นสโลว์เวลาให้ช้าลงได้จากนั้นหลบเลเซอร์เข้า มาฟันสวิตซ์ให้ลิฟต์ลงมาแล้วขึ้นด้านบนเรื่อยๆจนถึงห้องของ Agnus เข้าไปพบ Boss Angelo Agnus

Mission 10 : Wrapped in Glory



ลงลิฟท์มาชั้นล่างสุดเพื่อข้ามสะพานที่ทอดออกมาใหม่ข้ามไปที่ตึกรักษาความ ปลอดภัยโดนหลบเลเชอร์ไปจนถึงห้องใบพัดมีดโดดลงไปด้านล่างจัดการศัตรูแล้วใช้ สโลว์โดดบนใบพัดกลับขึ้นมาด้านบนสุดเข้าประตูไปจนถึงด้านบนจะพบกับดันเต้และ ต้องสู้กับเต้าอีกครั้ง Boss ดันเต้


Mission 11 : Ninth Circle


เริ่มต้นที่ Advent Chamber ที่มีรูปปั้นเทพ Savior ขนาดใหญ่อยู่ เข้าไปฟันสวิตซ์แล้วดึงตัวขึ้นไปด้านบนจัดการศัตรูแล้วกดสวิตซ์ลงมาแล้วขึ้น ไปด้านบนจัดการดึงศัตรูที่อยู่อีกด้านของประตูให้มากระแทกประตูเพื่อเปิดมัน ออกแล้วใช้แขนดึงตัวเพื่อข้ามกำแพงไปเรื่อยๆเพื่อขึ้นไปเปิดสวิตซ์ลิฟต์ที่ ด้านบนเปิดแล้วย้อนกลับมาที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปด้านบนพบ Boss Sanctus กับ Savior เมื่อจัดการมันได้แล้ว เนโร จะพลาดท่าโดนจับตัวไปขังเอาไว้ในรูปปั้น Savior พร้อมกับ ไคลี่



เนื้อเรื่อง ดันเต้
Mission 12 : New Beginning





ดันเต้จะเริ่มที่ Ascension Chamber จัดการศัตรูแล้วเข้ามาด้านในเก็บไอเทม Wing Talisman จากนั้นจะมีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นให้รีบหนีออกมาจากปราสาทก่อนเวลาจะหมด ให้รับหนีออกมาโดดลงมาด้านล่างฟันสวิตซ์ลิฟท์ให้ลงมาแล้วขึ้นไปด้านบนแล้วจะ มาที่ห้องที่มีใบพัดมีดให้จัดการศัตรูให้หมดแล้วกดสวิตซ์หยุดใบมีด จะได้ไอเทม Key of Cronus แล้วโดนขึ้นไปด้านบนตามใบมีดจากนั้นหนีจนออกมานอกตึกให้ทันก่อนมันจะระเบิด จากนั้นวิ่งตามทางข้ามสะพานไปก็จะจบ Misson ออกมาแล้วตึกก็จะระเบิดทันที


Mission 13 : The Devil Returns


ตอนนี้ที่ป่าจะมีฝนตกและจะมีหมอกดำที่ทางเข้าบางทางวึ่งมันจะเป็นที่วาร์ปก ลับมาที่เดิมให้พยายามหาทางไปที่เขต Ancient Plaza แล้วมายังแม่น้ำ Lapis แล้วเข้าไปที่หมอกวาร์ปใต้สะพานแล้วเข้าไปในวิหารร้างทะลุผ่านชั้นล่างมาจน มาถึง Lost Wood ซึ่งจะเป็นทางวนเหมือนเดิม ( ดูทิศตามแผนที่คับ ขวา – ซ้าย – ล่าง – ล่าง ) ก็จะผ่านมาได้ เดินไปต่อพบ Boss Echidna



อีกครั้งจัดการมันแล้วจะได้ หมัด Gilgamesh อาวุธของดันเต้มา

Mission 14 : Forest of Run


เดินออกมาจากป่าแล้วกลับมาที่น้ำตก เฟอร์ริส อีกครั้ง

Mission 15 : Fortuna Castle


เมื่อกลับมาที่ Fortuna Castle อีกครั้งจะพบว่ามีน้ำแข็งออกมามากมายใน Grand hall จากนั้นเข้าประตูเขียวทางขวาแล้วโดดลงที่ทางลงห้องทดลองใต้ดินแล้วไปตามทาง จะออกมาที่กระจกแตกด้านในของ Grand hall ไปตามทางจนถึงหลุมโดดลงไปด้านล่างฟันสวิตซ์ในคุกแล้วโดดขึ้นมาชั้นบนสุดมา ที่ห้อง Master Room แล้วออกมาที่สุสานทหาร ออกมาจะพบ Boss Dagon จัดการมันแล้วจะได้ กล่อง Pandora อาวุธปืนอีกอันของดันเต้มา


Mission 16 : Inferno


เมื่อลงมาที่ทางไปห้องทกลองใต้ดินแล้วจะพบว่ามีก๊าซพิษมากมายซึ่งจะทำให้ HP ลดที่ละนิดเข้าไปด้านในจนถึงห้องที่เคยเก็บดาบ Yamato จัดการศัตรูใหเหมดแล้วโดดขึ้นบนกระจกออกมาที่ด้านหลังจะเป็นน้ำตกแล้วขึ้น บันไดไปไปตามทางจนถึงทางโดดขึ้นมาบนชั้น Grand Hall จนออกมานอกปราสาทได้จัดการกับหมาไฟแล้วไปต่อตามเส้นทางหิมะจนกลับมาที่ชาน เมือง Freeum เดินเข้าไปพบ Boss Berial จัดการมันแล้วจะได้ Lucifer อาวุธของดันเต้มา

Mission 17 : Adagio For Strings


เดินทางกลับมาที่เมืองจนเข้าไปด้านในโรงละครโอเปร่าจะพบ Boss Angelo Agnus

Mission 18 : Destroyer
พบ Boss Savior โดยต้องโดดที่จุดโดดไปมาเพื่อหาโอกาสจัดการทำลายจุดสีฟ้าๆบนตัวมันให้มหดจน แทบพลังชีวิตมันขึ้นมาแล้วค่อยทำลายที่จุดกลางหน้าอกมันเป็นอันสุดท้าย



จุดอ่อนที่ต้องทำลาย











เนื้อเรื่อง เนโร แองเจลโร่
Mission 19 : The Successor
เข้ามาจะพบเกมทอยเต๋า เพื่อเลื่อนไปตามชั้นต่างๆและระหว่างชั้นก็จะพบ บอส ทุกตัวที่เคยผ่านมาแล้วซึ่งก็คือ สเตท รวมบอสนั่นเองคับ

Level 1: white knights and a gold knight.
Level 2: Berial
Level 3: Dagon
Level 4: Echidna
Level 5: Angelo

Mission 20 : La Vita Nuova
เข้าไปพบ Big Boss Sanctus Diabolica




เมื่อจัดการมันได้แล้วออกมาจะพบกับ The Savior อีกครั้งแค่กดปัดมือมันให้ถูกจังหวะก็พอคับ


------------------------------------- THE END --------------------------

Secret Mission

ข้อมูลจากคุณ devilexex คับ


Secret Mission 1


. Mission 2 อันนี้หาง่ายมาก...ใครหาไม่เจอเลิกเล่นเกมส์ไปได้เลย - เงื่อนไขปราบให้หมดก่อนเวลาหมด.

Secret Mission 2.


Mission 4 ตรงลูกไฟที่ใช้ลูกเหล็กทําลาย ตรงกําแพง - เงื่อนไขจับทุ่มกลางอากาศ 5 ครั้ง เท้าห้ามแตะพื้น
.
Secret Mission 3.


Mission 5 หลบหลีกให้สไตล์ขึ้น ห้ามโจมตี ( อันนี้ติดกันไม่ผ่านหลายคนช่ายม้า...อิอิ) - เทคนิกเฉพาะที่ผมใช้เล่น ให้ใช้มือดึงกลางอากาศแล้วเหยียบหัวและก็ดึงต่อ พอ สไตล์ขึ้น ก็ลงมากด select กวนไปทีนึง แล้วสไตล์ก็จะขึ้น...แล้วก็ดึงต่อทําเหมือนเดิม..จนขึ้น 1 ขั้น ก็ผ่านแล้วคับ อิอิ ไม่ต้องหลบก็ได้.

Secret Mission 4.


Mission 6 ตรงห้อง Angel Creation กําแพงข้างซ้าย ตรงแท่นที่คนอยู่ในหลอดอ่ะคับ - เงื่อนไข หา Orb 99 ชิ้น ก็ไม่มีไรมาก เดินหาเอาคับ ตามแสงที่มือเราอ่าแหละ.

Secret Mission 5.


Mission 14 อยู่ตรงโดมเล็กๆ เงื่อนไข Block 5 ครั้ง ให้ดันเต้ใช้ Royal Guad กันเอาคับไม่มีไรมาก.

Secret Mission 6.


Mission 7หลังต้นไม้ ตรงโซน Lapis River กระโดดไปบนสุด ก็ไม่มีไรมากคับ.

Secret Mission 7.


Mission 10 ตรงห้องเลเซอร์ที่มาเยอะๆ เงื่อนไขคือห้ามหุ่นไล่กาโดนพวกตัวตัวเล็กๆโจมตี (เทคนิกเฉพาะตัวเองอีกแล้ว อิอิ มาถึงเริ่มเลยนะคับ ใช้มือดึงตัวเล็กมา
จัดการก่อนเลย 1 ตัว ไม่ต้องฟันนะ ฉีกมันเลย แล้วก็มาจับหุ่นไล่กา ยกมันขึ้นมา แล้วก็พามันไปปล่อยไกลๆ เลยครับ ไกลจากพวกตัวเล็กๆ แล้วค่อยกลับมาจัดการมันอย่างสบายใจ ^^ (วิธียก กด O ค้างไว้จะสามารถยกลอยได้คับ )

Secret Mission 8.


Mission 10 ห้องก่อนสู้กับ ดันเต้ เงื่อนไขห้ามตกพื้นวาร์ป (เทคนิกของผมคือ ไปล่อพวกศัตรูมาก่อนนะครับ แล้วเก็บพวกมันก่อง
จัดการหมดแล้วค่อยเดินไปเก็บปกติ อย่างสบายใจ อิอิ)

Secret Mission 9.


Mission 15 ตรงบันไดวนลงมาก็จะเห็น - เงื่อนไข กําจัดศัตรูให้หมด ห้ามโดนโจมตี
Secret Mission 10.
Mission 5 ตรงห้อง Master's chamber ตรงเตาผิง ฟันกระจกข้างบน - เงื่อนไข ทําลายเสาสีนํ้าเงินก่อนเวลาหมด ( ยิ่งฟันจนแท่นหมุนมาก เวลาพุ่งก็จะไกลมากขึ้นนะคับ กะจังหวะ ระยะทางเอาคับ ไม่ยาก)
Secret Mission 11
.Mission 16 ตรงโซนนํ้าแข็ง ที่สะพานพังมา ขึ้นไปข้างบนจาเห็น Orb แดงเล็ก 3 อัน ลอยอยู่ เดินขึ้นไปบนแท่นที่สูงๆหน่อยครับ แล้วหันหน้ามาทาง Orb แดงเล็ก 3 อัน ลอยอยู่ แล้วพุ่งแทงกระโดดออกไป แล้วก็กระโดด 2 ชั้นด้วยนะครับ พอสูงแล้ว ก็ใช้ Pandora เป็นยานบินไปอีกนึงครับ (ก่อนมาก็เก็บ max มันมาด้วยนะครับ) ก็จะเห็น Secret อยู่ข้างบน - เงื่อนไขการเอา ใช้ปืนใหญ่ยิงทําลาย รูปปั้นทั้ง 2 อันก่อนเวลาหมดคับ ( ถ้ายังไม่มีก็ไปอัพมาก่อนนะครับ)
Secret Mission 12.
Mission 17 ตรงโซน Opera House Plaza จามีถังบังอยู่ ฟันพังจาเห็น. เงื่อนไขห้ามโดนเลเซอร์ (เทคนิกโกงนิดหน่อยคับ อิอิ ให้ดันเต้แปลงร่าง DT แล้วใช้แดชกลงอากาศ จะได้ 2 ทีครับ





Script บทพูดทั้งหมดในเกมคับ

Devil May Cry 4 ( มัจจุราชพิฆาตอสูร 4 )
แปลโดย Devil-May-Cry
ของแท้ ต้องเว็ป Gconsole เท่านั้น
ข้อมูล โดย น้องยู่ยี่

อารัมภาบท

<ที่หน้าจอเล่นเกมส์ กับ โลโก้ของ CapCom กด Start จอจะค่อยๆ เลื่อนมาโชว์ที่เมือง เนโร่กำลังวิ่งอยู่เพื่อมุ่งหน้าไปที่โบสถ์ แต่ดูท่าจะไม่ทันมีปีศาจมาขวางทางอยู่...ซึ่งไครี่ เธอเริ่มร้องเพลงโอเปร่าแล้ว เนโร่จัดการปีศาจไปด้วยวิ่งไปด้วย ไครี่หันมามองที่ม้านั่งที่เนโร่นั่งประจำมันก็ยังคงว่างเปล่าอยู่ ดี....เมื่อไครี่ร้องเพลงจบ เธอหันมามองที่ม้านั่งอีกครั้ง ก็เจอเนโร่มานั่งดูเธอในสภาพหอบ แฮ่กๆ เธอดีใจมากที่เนโร่มาทัน และส่งยิ้มให้กัน>


MISSION ONE :: BIRDS OF A FEATHER

แซงค์ทัส: 2,000 ปีมาแล้ว อัศวินแห่งรัตติกาล นาม สปาด้า ได้ต่อต้านเผ่าพันธุ์ปีศาจพี่น้องของเขาเอง
และใช้ดาบของเขา ปกป้องประโยชน์ของมวลมนุษย์ อย่างไรก็ตามความพยายามอันกล้าหาญนี้จะอยู่ในใจของพวกเรา บางครั้งชั้นกลัวว่า เราจะลืมความจริงอันยิ่งใหญ่ของการเสียสละของเขา เพื่อไม่ให้เวลาแห่งความน่ากลัวนั้นต้องกลับมาอีกครั้ง นั่นก็คือการถูกรวมเป็นอาณาจักรเดียวกับปีศาจและอาณจักรมนุษย์ ,พวกเรา เป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอ แต่เราจะไม่ยอมจำนนและก้มหัวให้ใครเด็ดขาด....


<เนโร่ หงุดหงิดในความเบื่อหน่าย เลยฟังเพลง กระทั่งไครี่เข้ามาหาเขา เขาจึงให้ของขวัญที่เขาซื้อมาให้เธอ เธอยิ้มและนั่งลงข้างๆเขา>

แซงค์ทัส: และชั้นขอให้พวกเราทั้งหมด จงภาวนาสวดมนต์ แม้ว่าเวลาแห่งความน่ากลัวและสับสนวุ่นวายจะมาเยื่อนพวกเรา แต่ผู้กอบกู้ของพวกเราจะเป็นกำบังปัดเป่า พายุร้ายทั้งปวง ขอให้พวกเราจงภาวนา....

<ทุกคนในโบสถ์กุมมือภาวนากัน แต่เนโร่เขายืนขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ>

ไครี่: เนโร่....มีอะไรหรอ?

เนโร่: ชั้นจะออกจากที่นี้

ไครี่: แต่ พีธียังไม่เสร็จเลยนะ?

เนโร่: การเทศนี้จะทำให้ชั้น หลับพอดีนะสิ

<ไครี่เลยเดินตามเนโร่ไป, แต่เขาต้องหยุดเดิน เพราะ แขนขวาของเขา ร้อนแผ่วขึ้น เขามองไปรอบๆ สักพัก
ดันเต้ก็กระโดดลงมาจากหลังคาด้านบน ลงมาหน้าต่อหน้าแซงค์ทัส,และยิงชายแก่เข้าที่หัว,ดันเต้มองไปรอบๆ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ทุกคนเริ่มตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกยามจึงถือดาบตรงเข้าไปที่เขา>

???: ท่านประมุข!

<ดันเต้จัดการกับพวกยามอย่างง่ายดาย เนโร่และไครี่จึงออกมาจากที่นั่น เธอจะทำของขวัญตก พวกยามจะถูก
จัดการกันหมด เหมือนกับแซงค์ทัส อย่างโหดเหื้ยม>

???: ไม่!

<ดันเต้
จัดการวกยามเสร็จ ก็เดินมาข้างหน้า ไครี่มองเขาด้วยความหวาดกลัว>

ไครี่: เครโด!

เนโร่: ไครี่!

<ไครี่จะรีบวิ่งไปหาเครโด แต่เธอจะล้มลง เธอมองขึ้นไปที่ดันเต้ด้วยความกลัว เนโร่เลยกระโดดถีบดันเต้ เข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง และกระหน่ำกระสุนปืนกัน จนมาหยุดยืนเผชิญหน้ากันที่รูปของสปาด้า ในมือมีปืนถือไว้ทั้งคู่>

ไครี่: เนโร่!

เนโร่: ไครี่! ไปกับพี่ของเธอ แล้วออกไปจากที่นี้ซะ!

เครโด: ชั้นจะกลับมาช่วย! นายถ่วงเวลาเขาเอาไว้!

เนโร่: ชั้นคงไม่หายใจแล้วมั้ง.

<เนโร่กับดันเต้ จะเริ่มต่อสู้กัน>

เนโร่: นายได้แรงบันดาลใจในการ
จัดการคนมาสินะ,นายจะทำได้อีกก็ต่อเมื่อ นายข้ามศพชั้นไปก่อน
<เนโร่ หมุนตัวเปลี่ยนกระสุนยิงใส่ดันเต้อีกครั้ง>

เนโร่: ชั้นเดาว่านาย...คงตัดมันไม่ได้
<พรางหยิบดาบ>

เนโร่: อะไรก้าน....ดาบนั่น ถืออยู่แต่ไม่คิดจะใช้มันหรือไง?

<ดันเต้มองที่ดาบของเขา แล้วล้อเลียนท่าทางของเนโร่ เนโร่โมโห ทั้งสองจึงแลกดาบกัน แต่ดันเต้จะปัดดาบของเนโร่กระเด็น และแทงเข้าที่เนโร่ เนโร่จึงใช้แขนอสูรของเขารับการโจมตี>

ดันเต้: นายมีลูกเล่นอะไร ในปลอกแขนนั่นสินะ

เนโร่: ชั้นคิดว่า นายนี้มันลิ้นแมว จริงๆวะ ก็ดูเอาถ้านายคิดว่ามันเป็นลูกเล่น

ดันเต้: ดูเหมือนว่า นายจะเป็น....

<เนโร่ใช้แขนอสูร ยกแท่งกางเขงยักษ์ขว้างใส่ดันเต้ แต่ดันเต้หลบได้เพียงแค่ขยับหัวไปนิดหน่อย>

เนโร่: ชั้นเกลียดการขัดจังหวะ, แล้วชั้นอยากจะจัดการให้มันเสร็จๆ ก่อนเหล่าทหารม้าจะมาถึงนะ!

ดันเต้: เอาเถอะ, นายอยากจะเล่นแล้วงั้นหรือ? ฮือ? ก็ได้, ชั้นเดาว่า ได้เวลาที่ชั้นจะ
จัดการแล้ว...

เนโร่: ยากวะ พวก, ฮือ? แหม... ชั้นว่า ชั้นจะลงรอยบากหน้าให้ลุงหน่อย.

ดันเต้: ขอให้เป็นอย่างที่พูดละกัน, ไอ้หนู.

<เนโร่จับดาบของดันเต้ และเหวี่ยงดันเต้ไปพร้อมกับดาบของเขา เนโร่วิ่งตามร่างของดันเต้ที่ลอยไปจับขาของเขาแล้วต่อยเข้าที่หน้าดันเต้ 10 กว่าที ก่อนเหวี่ยงร่างดันเต้ไปติดที่รูปปั้นแล้วดึงดาบปาไปปักร่างดันเต้คารูปปั้น ของสปาด้า>

ดันเต้: ค่อยดีขึ้นหน่อย...

<เนโร่ หันกลับไปมอง.>

ดันเต้: ชั้นว่า ยังห่างไกลเลยละที่จะให้ชั้นพูดว่า ชั้นประเมินความสามารถนายต่ำไป

เนโร่: นายไม่ใช่มนุษย์งั้นหรือ?

<ดันเต้ดึงดาบที่ปักร่างตัวเองออก.>

ดันเต้: เราก็เหมือนกันน่ะแหล่ะ...นายและชั้น...และก็พวกเขา

<เนโร่มองไปที่ศพของยามที่ดันเต้
จัดการไป ซึ่งกลายเป็นปีศาจ>

ดันเต้: ชั้นสงสัยในตัวนาย มีบางอย่างที่แตกต่างจากพวกเขาคนอื่น.

เนโร่: นายพูดเรื่องอะไรของนาย ?

ดันเต้ : แล้วนายจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เร็วนี้ละ, แต่มีธุระต้องไปทำก่อน.

เนโร่: เดี๋ยว!

ดันเต้ : อาดิออส , ไอ้หนู (*อาดิออส ภาษาสเปน หมายถึง โชคดี)

<สักพัก ทหารก็มาถึงพอดี>


MISSION TWO :: LA PORTE DE L'ENFER

<เหล่าทหารม้า จะเข้ามาตรวจสอบสถานที่ในโบสถ์ ไครี่เธอจะเข้ามาที่นี้ เนโร่เห็นเธอพอดี จึงเข้าไปหาเธอ>

เนโร่: เธอพาคนพวกนี้มาช่วยชั้นที่นี้หรอ?

ไครี่: เครโด ขอร้องให้พามาแทนน่ะ

เนโร่: ขอบใจนะ. ดาบนี้ ใช้ได้ดีในการต่อสู้แฮะ....ช่วยได้มากเลย

<เขาเก็บดาบของเขา, ไครี่เปิดกล่องของขวัญ และหยิบสร้อยมาสวมที่คอพร้อมกับรอยยิ้ม>

เนโร่: ปราสาท ฟอลทูน่า,หรือ?

เครโด: นั่นเป็นสิ่งที่พยานพูดมาน่ะ.

เนโร่: ถ้าเขาเพิ่งมาจากนรกละก็ ,เขาต้องมาโจมตีเราเป็นระยะๆ แน่

เครโด: นายเพิ่งทำให้สถานการณ์ที่ตรึงเครียด เบาบางไม่ใช่หรือ? เพราะงั้นนายต้องเป็นคนไปจับเขา.

เนโร่: เชื่อมือได้เลย, ชั้นคิดว่า ชั้นพอจะทำได้.

ไครี่: ระวังตัวด้วยนะ. เธอยังไม่หายดีเลย

เนโร่: ไม่มีเวลาแล้วละ แถม ต้องทำตามหน้าที่อีก.

<เนโร่ มองที่สร้อยคอของเขาที่ให้เป็นของขวัญกับ ไครี่ พรางยิ้มให้>

เนโร่: ชั้นไม่สามารถละเลยกับเรื่องฉุกเฉินนี้ได้หรอก ,ไครี่

เครโด: ชั้นต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่ เพื่อรายงานสถานการณ์ก่อนนะ

< ทันใดนั้น, โบสถ์ก็สั่นสะเทือน,ขณะที่พวกเขายืนอยู่ข้างนอก>

ชาวบ้าน: ใครก็ได้ ช่วยชั้นด้วย!

<ชาวบ้านคนนึง เดินกระเผกๆมาที่ลานน้ำพุ, แต่แล้วร่างของเขาก็ถูกเสียบด้วยขาของปีศาจและถูกโยนลอยข้ามลานน้ำพุไป ผู้คนพากันตกใจกลัว วิ่งหนีกันเจ้าละหวั่น ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยปีศาจแล้ว>

เนโร่: นั่นใช่พวกเขาไหม?
เครโด: ชะ....ชั้นไม่แน่ใจ.

เนโร่: เครโด, ฝากดูแลไครี่ด้วย. ชั้นจัดการเอง!

เครโด: เราต้องอพยพผู้คนไปที่สำนักงานใหญ่ก่อน. นายต้องกลับมารายงานสถานการณ์และ ระวังตัวด้วย!!

เนโร่: ชั้นรู้แล้วน่า!!

เครโด: ไครี่, ไปเร็วเข้า หนีไปพร้อมกับคนอื่นๆเร็ว!!

<ไครี่ เริ่มที่จะหนี, แต่เธอเห็นเด็กร้องไห้และกำลังจะถูกปีศาจทำร้าย เธอจะเอาตัวเธอปกป้องเด็กไว้ แต่เนโร่จะกระโดดมารับการโจมตีของปีศาจพอดี>

เนโร่: ไปเร็ว!! ออกไปจากที่นี้!

ไครี่: เนโร่!

<เธอรีบหนีออกไป, เนโร่จึงจับปีศาจเหวี่ยงไป>

เนโร่: ไม่ค่อยเร็วเท่าไรนิ....

<เนโร่จัดการพวกปีศาจด้วยดาบราชินีแดง และแขนอสูรของเขาอย่างง่ายดาย>

เนโร่: แค่นี้ยังถือว่า เด็กๆ

<เนโร่ไปตามทางของเขา จนเจอเรื่องยุ่งๆจนได้.>

เนโร่: นี้มันอะไรละนิ?

<เนโร่พยายามกดปุ่มให้แผงเครื่องยนต์ให้ทำงาน,แต่ดูถ้ามันจะไม่ตอบสนอง อะไรเลย.>

เนโร่: บ้าจริง!!
<เนโร่เอาปืนยิงเข้าที่แผงเครื่องยนต์ 2 ครั้ง จนมันทำงานในที่สุด ,ในไม่ช้าเนโร่ก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านร้างและเห็นประตูนรก ซึ่งมีจอมปีศาจบริชออกมาจากประตูนรก>

เนโร่: ให้ชั้นเดาได้เลยว่า, มันต้องเป็นมากกว่าปีศาจธรรมดาแน่ๆ?

<สักพักนึง,หมู่บ้านก็สั่นสะเทือน พร้อมมีเปลวไฟลุกโชติขึ้นทั้งหมู่บ้าน>

???: อ๊ากกก, โลกมนุษย์. มันจะต้องกลายเป็นแค่เรื่องในวันวาน...

<เนโร่ เดินผ่านจอมปีศาจบริชไป แล้วตวัดดาบของเขาใส่จอมปีศาจบริช>

???: อะไรของแก....

เนโร่: ไฟของแกน่ะไม่เลวอยู่หรอก. แต่คงจะเผาชั้นไม่ได้ง่ายๆวะ,เพราะชั้นไม่ใช่เปลือกไม้ซะด้วยสิ

???: 2,000 ปีมาแล้ว,ที่ข้าไม่ได้เจอมนุษย์อวดดีแบบแก

เนโร่: ทำอะไร 2,000 คนนะ ? ( เนโร่ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกวนตีนบริช)

???: หุบปากซะ!

<จอมปีศาจบรีสใช้ดาบที่แขนฟันใส่ เนโร่, แต่เนโร่ก็สามารถรับการโจมตีได้ด้วยปลายดาบของเขา>

???: พวกสัตว์ชั้นต่ำที่มันกล้า หาเรื่องกับข้า ข้าจอมปีศาจบริช จะเผามันด้วยไฟนรกเอง!!!

<เนโร่จะต่อสู้กับบริช แล้วจัดการบริชได้>

บริช: แขนแก....แกไม่ใช่มนุษย์!!

เนโร่: อย่าถามน่า. ก็แค่แขนต้องสาป ที่จะทำให้ชั้นเป็นบ้าอยู่แล้ว.

บริช: แกนี้เหมือนกับเขาจริงๆ

เนโร่: และ “เขา” ที่ว่านี้ใคร ?

บริช: ข้าจะไปฟื้นฟูพลังของข้าล่ะ....

เนโร่: เดี๋ยว!

<แล้วจอมปีศาจบริชก็เข้าประตูนรกกลับไป>


MISSION THREE :: THE WHITE WING

<หลังจากเนโร่ผ่านทางภูเขาน้ำแข็งมา, เนโร่จะข้ามสะพานและจะมีพวกปีศาจโผล่ลงมาจากด้านบน แต่ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มา
จัดการ ปีศาจที่โผล่ออกมาเกลี้ยง...และจะมีปีศาจหนึ่งตัวจะทำร้ายเธอจากข้างหลัง ,เนโร่จึงใช้ปืนของเขายิงเพื่อช่วยเธอ.>

???: ชั้นเป็นหนี้เธอซะแล้ว ขอบใจนะที่ช่วย.

เนโร่: เธอได้รับคำสั่งมาจากภาคีหรือ...? ชั้นไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน.

???: ชั้นมาใหม่น่ะ. ชั้น กลอเรีย.

<กลอเรียจะยื่นมือมาลูบหน้าเนโร่, แต่เนโร่เมินหน้าหนี.>

กลอเรีย: เธอคือ เนโร่,สินะ? ชั้นได้ยินข่าวลือมา.

เนโร่: คงไม่ใช่ทุกคนสินะ?

กลอเรีย: อยากจะบอกนะ, ว่าชั้นไม่ได้ประจบประแจงใคร แม้แต่น้อย.

เนโร่: เอาเถอะ แล้วแผนการพวกเขาละ? พวกเขามาจากไหนกันแน่? (ประโยคนี้เนโร่คงพูดถึงดันเต้)

กลอเรีย: ไม่ต้องสนใจหรอก. มันไม่ได้สำคัญไปกว่าปีศาจที่เธอ
จัดการไปหรอก,มีบางอย่างที่มากกว่านั้น.

<เธอเลื่อนมือลงไปจับมีดที่ขาอ่อนของเธอ และเนโร่ก็มองตาม>

เนโร่: งั้นชั้นให้เธอทำงานเล็กๆน้อยๆไปละกัน. เพราะชั้นต้องตามล่าใครบางคนอยู่.

กลอเรีย: งั้นชั้นก็ไปทำอย่างอื่นละกัน, แล้วชั้นจะเอ็นดูพวกเขาเอง

<กลอเรียปามีดจัดการกับปีศาจตัวนึงที่ยังมีชีวิตอยู่.>

กลอเรีย: บางที เธออาจจะเป็นผู้กอบกู้ในการเดินทางครั้งนี้ก็ได้.

เนโร่: ผู้กอบกู้....

<เนโร่เข้าไปในปราสาทฟอลทูน่า และเข้าไปในห้องนึงที่มีหนังสือมากมายบนโต๊ะ.>

เนโร่: ไม่คิดเลยแฮะ ว่าพวกนี้จะเป็นพวกหนอนหนังสือ...

<เนโร่ได้ยินเสียงบางอย่างรอบๆ ห้อง, และพบกับปืนที่อยู่ในมือของชุดเกราะนักรบ.>

เนโร่: นายจะยิงชั้นหรอก. ชั้นนึกว่าจะได้มาไล่จับปีศาจที่นี้ซะอีก?

<ชุดเกราะนักรบ เดินเข้ามาหาเนโร่ โดยไม่พูดอะไรเลย.>

เนโร่: เป็นพวกไม่ค่อยพูดหรือ, ฮือ? แหม....มันคงน่ารำคาญสินะ.

<ชุดเกราะ แทงหอกเข้าใส่เนโร่ , เนโร่จะหลบได้>

เนโร่: อยากมีเรื่องหรอกเพื่อน! ได้เลยถ้าอยากสู้นักละก็,เข้ามาเลยพวก!

<เนโร่จัดการชุดเกราะได้ หมวกของชุดเกราะกลิ้งมาที่ขาของเนโร่ ซึ่งข้างในมีแต่ความว่างเปล่า>

เนโร่: ว่างเปล่า....พวกปีศาจมันเป็นคนสั่งพวกเกราะพวกนี้สินะ...ถ้าจะไม่ดีซะล่ะ.

<เนโร่ก็เข้าประตูและเดินต่อไป.>


MISSION FOUR :: COLD BLOODED

<เนโร่ จะเดินมาถึงที่ลานหิมะ, เขาสังเกตุเห็นทูตน้ำแข็ง 2 ตัวข้างหน้าประตูนรก>

เนโร่: พวกหิมะพวกนี้ก็คงเป็นปีศาจสินะ.

< เนโร่สู้ไปได้สักพัก,ก็มีบอสเบ็ต คางคกยักษ์น้ำแข็งโผล่มา.>

เนโร่: อะไรกันนี้ แกดูเหมือนตัว.....

เบ็ต: แกเก่งกว่าที่เห็นนี้หว่า, เพราะงั้นข้าจะเคี้ยวแกให้เป็นชิ้นๆเอง.

เนโร่: จะเคี้ยวชั้นหรอ? ยากวะ เจ้าคางคกยักษ์.

เบ็ต: งี่เง่าสิ้นดี! แกมั่นใจในสิ่งที่แกพูดหรือไง?!

เนโร่: เอาเถอะ รีบๆทำให้มันจบๆไป, ไม่งั้นชั้นตายตาไม่หลับวะ.

เบ็ต: ข้าจะขยี้แกซะ!

<เนโร่ชนะเบ็ต.>

เบ็ต: แก...ชนะหรือ....ชนะข้างั้นหรือ?! ไม่มีทาง! มนุษย์อย่างแก....

เนโร่: เป็นอย่างที่ชั้นพูดไหมล่ะ.

เบ็ต: เหล่าพี่น้องของข้า...กำลังจะมา! แก....

<เนโร่ต่อยใส่เบ็ต จนมันหยุดพูด.>

เนโร่: มาสิ, ยังเละไม่พออีกหรือไง. เดี๋ยวสิ.....เมื่อกี้แกพูดว่า “ พี่น้อง” งั้นหรือ?

<เนโร่มองไปที่ประตูนรกที่เปิดอยู่ เขาเห็นฝูงคางคกยักษ์กำลังเดินตรงมาหาเขา>

เนโร่: โอ้ ให้ตายเถอะ! นี้ชั้นต้องมาสู้กับฝูงสัตว์อีกหรือไงนี้?

<เนโร่ต่อยประตูนรก เพื่อปิดมันโดยเร็ว>

เนโร่: โทดทีวะ เพื่อน, พวกแกโดนปิดตายแล้ว!!


MISSION FIVE :: TRISAGION

<เครโดยืนอยู่ข้างเตียงที่แซงค์ทัสนอนอยู่. เมื่อแซงค์ทัสลืมตา ตาของเขามีสีแดงฉานราวปีศาจ เมื่อเขากระพริบตาอีกครั้ง ตาของเขาก็เป็นเหมือนเดิม คล้ายตาคนตามปกติ>

เครโด: ท่านตื่นขึ้นเสียที.

แซงค์ทัส: เครโด.

เครโด: คนของข้าได้ติดตามสถานการณ์ของดันเต้อย่างใกล้ชิด. ขึ้นอยู่กับเวลา เราจะได้ตัวเขาแน่นอน.

แซงค์ทัส: มันมาหาพวกเรา....ชั่งโชคดีจริงๆ ที่มันได้มีส่วนร่วมในพิธีกรรมอันสูงส่งของชั้น.

???: ท่านประมุข...! ท่านดู ทรงอำนาจอีกครั้ง!

<ชายผิวดำใส่แว่นตาข้างเดินพร้อมเดินเข้าไปใกล้แซงค์ทัส,แต่เครโดมาขวาง ไม่ให้เขาเข้าใกล้>

???: แกส่งเจ้าเด็กอวดดีที่ชื่อ เนโร่ ไปจับดันเต้งั้นหรือ?

เครโด: นายข้องใจกับคำสั่งชั้นหรือไง?

???: ใช่ ! มันไม่ คะ..คะ..คะ..ควร มายุ่งกับผลงานวิจัยของชั้น?

เครโด: หน้าที่ของชั้นก็แค่จับดันเต้ให้ได้เท่านั้น.

???: ทำไม แก ถะ..ถะ..ถะ..ถึง

แซงค์ทัส: เครโด

เครโด: ครับ, ท่านประมุข.

แซงค์ทัส: จัดการกับทุกคน. ชั้นต้องการความแน่ใจในเรื่องนี้ว่าไม่มีตัวกวน.

เครโด: แน่นอนครับท่าน.


MISSION SIX :: RESURRECTION


<เนโร่จะเข้ามาอยู่ที่ห้องวิจัยใต้ดิน ทันใดนั้นแขนขวาของเขาก็ร้อนแผ่วอีกครั้ง เขามองไปรอบๆ จนเห็นดาบหักอยู่ในห้องแล็บอันหนึ่ง ,ซึ่งดูเมื่อว่า มีใครอีกคนอยู่ในห้องแล็บกับเนโร่ด้วย>

???: ชั้นคิดไม่มีผิดว่า แกต้องมาที่นี้.

เนโร่: แกเป็นใครน่ะ?

???: ชั้นแอ็กนัส. ชอบทำวิจัยอย่างลับๆ, ชั้นชอบที่จะทำงานวิจัยเป็นการ สะ..สะ..สะ ส่วนตัว

เนโร่: ตลกดีนี้, แทนที่จะไปวาดรูปไม่ก็ไปเดินเล่น กับชอบทำงานในสถานที่ที่คล้าย รูนรก แบบนี้

แอ็กนัส: “รูนรก” !? ดูแกพูด! ชั่งเป็นคำพูดที่โสโครกที่สุด รู้สึกว่าข่าวลือของแกที่ชั้นได้ยินมาจะจริงนะ. แกอย่าหวังจะขอความเมตตาจากชั้นเลย แก ตะ..ตะ..ตะ..ตาย!

เนโร่: นายไม่ได้คิดว่ามันเป็นคำหยาบคายแค่นิดหน่อยหรอ? จะ
จัดการชั้น เพราะ ชั้นแค่มา พะ..พะ..พะ..พูดแบบนี้ นี้นะ?

< เนโร่พูดล้อเลียนแอ็กนัสที่ชอบพูดติดอ่าง แอ็กนัสโมโหเลยกลายร่างเป็นปีศาจ.>

เนโร่: เจ๋ง. กลายเป็นปีศาจอีกคนและ.

แอ็กนัส: นี้ละ, เป็นสิ่งที่เครโดทำอยู่

<เนโร่เข้าสู้กับแอ็กนัสที่เป็นปีศาจแล้วแอ็กนัสก็พูดต่อขณะที่สู้ กัน.>

แอ็กนัส: ที่เครโดสั่งให้แกตามจับดันเต้...ก็เพราะเครโดมันอยากให้แกอยู่ที่นี้ไงละ!

เนโร่: ดันเต้...? แกหมายถึง คนที่
จัดการท่านประมุขหรือ? มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี้!?

แอ็กนัส: ชั้นจะไม่ตอบแกหรอกนะ. สำหรับแกแค่นี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว ตะ..ตะ..ตะ ตายซะ.

เนโร่: ชั้นจะทำให้แกพูดเอง.

<เนโร่จะสู้กับแอ็กนัสและใช้พลังปีศาจของเขา กระโดดขึ้นไปบนหลอดทดลอง.>

แอ็กนัส: นะ..นะ..นะ..นั่นมันพลังของปีศาจนี้! มันเป็นไปได้ยังไง...?

เนโร่: ดูให้ดีหน่อยว่าใครพูดอยู่,ไอ้ทึ่ม. ตอบคำถามชั้นมา, เกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี้?

<เนโร่ใช้ดาบจ่อคอของแอ็กนัส, แต่แอ็กนัสสนใจแขนอสูรของเนโร่มากกว่าดาบที่จ่อคอเขาอยู่>

แอ็กนัส: ไม่น่าเชื่อ....มันมีพลังมหาศาล!

<แอ็กนัสจะพุ่งเข้าหาแขนอสูรของเนโร่,เนโร่จึงถอยหลังออกมา>

เนโร่: เอาละ,แกคงได้ยินที่ชั้นพูดนะ?

แอ็กนัส: ถ้าแกอยากจะได้คำตอบละก็, แกต้องมาเป็นพวกเราเท่านั้น.

<แอ็กนัสจะไล่สู้กับเนโร่ต่อ>

แอ็กนัส: อีกแค่ปีเดียวผลงานวิจัยของชั้นก็จะเสร็จสมบูรณ์...เราจะใช้พลังของปีศาจ ครอบครองโลกนี้!
และนี้เป็นความประสงค์ของท่านประมุข!

เนโร่: แกพูด...อะไรของแก, เพราะท่านประมุขน่ะตายไปแล้ว.

แอ็กนัส: อา.., แต่ท่านประมุขจะเกิดใหม่.และเป็นพระเจ้าของโลกใหม่!

เนโร่: พระเจ้าของโลกใหม่...?

แอ็กนัส: และในไม่ช้านี้แหละ, เพราะงั้นชั้น.

<เนโร่จะโดน อัศวินเกราะเหล็ก แทงติดกำแพง>

แอ็กนัส: ดูสิ เหยื่อทดลองงานวิจัยของชั้นยอมจำนนซะแล้ว? ดูนี้ซะ! อัศวินเกราะสีขาวที่แข็งแกร่ง!
แกไม่มีปัญญาสร้างมันได้หรอกต่อให้ใช้ทั้งชีวิตของแก. ชั้นต้องค้นคว้าและควบคุมพวกมัน.
อัญเชิญพวกมันออกมาและจะไม่มีใครเอาชนะมันได้!

เนโร่: อัญเชิญงั้นรึ...? แกเองสินะ...ใครเป็นสร้างประตูนรกนั่น!?

แอ็กนัส: ใช่,ใช่แล้ว ประตูนรก! ชั้นเป็นคนสร้างมันขึ้นมาโดยอ้างอิงจากประตูนรกของจริงมากที่สุด,
แต่ถ้าจะให้เกิดประโยชน์จริงๆ คงต้องเอาแขนปีศาจของแก, มาพิสูจน์ต่อ...

เนโร่: แกพูดเรื่องบ้าอะไรของแก?

แอ็กนัส: แกควรจะพักผ่อนได้แล้วนะ.

<เนโร่จะโดนเอาดาบแทงที่มืออสูร >

แอ็กนัส: ไม่นานแกจะการเป็นงานวิจัยคราวหน้าของชั้น,ชั้นจะได้ชำแหละตัวแก...และก็แขน ของแก.

เนโร่: ไม่มีทาง...!

<เนโร่ ถุยน้ำลายที่ปนด้วยเลือดใส่หน้าแอ็กนัส,แอ็กนัสจึงดึงดาบออก.>

แอ็กนัส: อะ..อะ..อะ..เอามันออกไป!

<อัควินเกราะเหล็ก เอาตัวเนโร่ไป.>

เนโร่: ไครี่, หนีไป!

<ไครี่กรีดร้อง.>

ไครี่: เนโร่!

เนโร่:ไครี่!ไครี่!!

< เนโร่ฝันร้าย. เมื่อเขาตื่นมา ดวงตาของเขาเป็นสีแดงฉาด ดาบยามาโตะค่อยๆ เชื่อมต่อกัน และมันก็มาอยู่ในมือของเนโร่แล้ว ร่างเงาของปีศาจสีฟ้า โผล่ออกมาจากร่างของเนโร่พร้อมกับดวงตาอันแดงฉานของเนโร่ราวกับปีศาจ.>

แอ็กนัส: เป็นไปได้ยังไง...ชั้นไม่ค่อยซ่อมแซมมันได้เลยนี้... !

เนโร่: จากวันนั้นมา...แขนของชั้นก็เปลี่ยนไป...พร้อมกับเสียงสะท้อนในหัวว่า... "พลัง..."
"ให้พลังชั้นมากกว่านี้!"

แอ็กนัส: อะไรกัน...?

เนโร่: แม้ว่าชั้นต้องกลายเป็นปีศาจ,แม้ว่าชั้นจะต้องถูกรังเกลียด. ทุกอย่างก็เพื่อปกป้องเธอ.

<เนโร่ใช้พลังทำลายห้องทดลองอย่างราบคาบ.>

แอ็กนัส: เป็นไปไม่ได้! นี้มันเป็นไปไม่ได้!

<เนโร่จะหนีออกมาห้องแล็บ. เขาตกใจกับพลังของดาบยามาโตะที่ทำให้บาดแผลของเขา หายไป>

เนโร่: ชั้นต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่. เกี่ยวกับความจริงของแอ็กนัส...เครโดต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่.

<เนโร่เดินไปตามทางจนเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง.>

เนโร่: ป่างั้นหรือ...?

<เนโร่ได้ยินเสียงใครบางคนข้างหลังเขา,เขามองไปรอบๆก็เจอดันเต้ยืนสัง เกตุการอยู่บนหน้าผา.>

ดันเต้: นี้มันบ้าอะไรกันนี้?

<เนโร่ถือปืนเล็งไปที่เขา>

ดันเต้: นี้คงเป็นผลมาจากประตูนรกแน่ๆ...เสียใจด้วยนะ ไอ้หนู ถ้าจะเล่นกันคงต้องรออีกหน่อย.

<ดันเต้จะกระโดดลงไปจากหน้าผา .>

เนโร่: บางทีเขาอาจจะรู้ความจริงก็ได้?


MISSION SEVEN :: THE SHE-VIPER

<ที่สำนักงานใหญ่...>

เครโด: ...และนั่นเป็นเรื่องที่ยังอีกไกลเลยทีเดียวครับ.

<เครโดนั่งคุยอยู่ข้างแซงค์ทัส สักพักประตูห้องก็เปิดออก.>

แอ็กนัส: เครโด! แกต้องรู้เรื่องทั้งหมด!

เครโด: แกกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าท่านประมุขหรือ!

แอ็กนัส: เจ้าเด็กหยิ่งยโสนัก มันมีพลังปีศาจ!

เครโด: เหลวไหล.

แอ็กนัส: เหลวไหลงั้นหรือ!? อย่ามาทำโง่ๆกับชั้นดีกว่า. มันเป็นคนของแกไม่ใช่หรือ? ,มันซ่อมแซมดาบยามาโตะ! และเอามันไป มันเป็นความผิดของแก! แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้! ,มะ..มะ..มะ..มัน

แซงค์ทัส: เครโด.

เครโด: ครับ, ท่านประมุข.

แซงค์ทัส: เจ้าสามารถจับเด็กคนนั้นมาขังไว้ได้ไหม?

เครโด: ตามที่ท่านต้องการ...แต่ใครจะเป็นคนไปจับดันเต้ละครับ?

กลอเรีย: ชั้นจะจับเขาเอง

แซงค์ทัส: เธอคิดว่าจะจับเขาได้หรือ?

กลอเรีย: แน่นอน.

<เธอยืนขึ้นและโค้งคำนับแซงค์ทัส.>

กลอเรีย: ยินดีด้วย ที่ท่านประมุขหายดี.

<เธอเดินออกจากห้องไป.>

เครโด: เธอไว้ใจได้หรือ?

แซงค์ทัส: เธอเป็นคนเอาดาบแห่งสปาด้ามาให้พวกเรา...

เครโด: แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเราอยู่ดี...

<กลอเรียจะแอบฟังการสนทนาอยู่ .>

แซงค์ทัส: ดูจากสถานการณ์.เรายังต้องใช้เธอก่อน,ชั้นสืบเรื่องของเธอมาแล้ว...แต่ตอน นี้ เครโด, หาเนโร่กับดาบยาโมโตะ แล้วพาเขามาหาชั้น.

เครโด: ตามที่ท่านต้องการครับ, ท่านประมุข.

แอ็กนัส: ดูเหมือนว่า ของรักของห่วงของมันจะเป็นน้องสาวของเคนโด,ที่ชื่อไครี่นะ ท่าน
มันพูดถึงชื่อเธอตลอด...

<แซงค์ทัสสนใจในสิ่งที่แอ็กนัสบอกมา. กลับไปที่ป่า,เนโร่ได้เจอประตูนรก เจอกับปีศาจหนอนยักษ์
อีชิทน่า ที่ออกมาเล่นงานเนโร่>

อีชิทน่า: พยายามไปก็เปล่าประโยชน์น่า!

<เนโร่จะยิงใส่ลูกน้องของมัน.>

อีชีทน่า: ลูกๆของข้า! แก!

<ดอกไม้ที่หัวปีศาจเปิดออกเป็นร่างผู้หญิงอยู่ข้างใน. เนโร่กระโดดลงบนต้นไม้>

เนโร่: เสียใจด้วยนะ,แต่มีเวลาเล่นกับเธอนิดหน่อย.

อิชิทน่า: คำพูดของแกข้าไม่สนใจหรอก. เพราะข้ากำลังจะฉีกเนื้อแกเป็นชิ้นๆอยู่แล้ว!

< เนโร่สู้กับเธอแล้วจัดการเธอได้. เธอจะพยายามบินหนีเข้าประตูนรก,แต่เนโร่จะจับหางเธอไว้.>

เนโร่: อย่าแม้แต่จะคิดเชียว.

อิชิทน่า: นี้ข้าถูกมนุษย์ที่น่าสังเวช ดูขนาดนี้เชียวหรือ...!

<เธอจะพยายามดิ้นให้หลุดจากมืออสูรของเนโร่. จนเธอหนีเข้าไปในประตูนรกได้,ประตูนรกปิดแต่จะมีลูกผลไม้ตกอยู่ .>

เนโร่: เฮ้, ถ้าไม่อย่าเจ็บตัวก็อย่ามาที่นี้อีกละ.

<เนโร่เก็บผลไม้ที่ตกอยู่.>

เนโร่: แม่ที่ไหน เขาทึ้งลูกไว้อย่างนี้เนี้ย?

<เนโร่จะดูดผลไม้เข้าไปในมืออสูรและไปจากที่นี้.>


MISSION EIGHT :: PROFESSION OF FAITH

<เนโร่กลับมาที่สำนักงานใหญ่ของภาคีแห่งดาบ.
เขาเห็นใครบางคนเดินออกมาจากที่นั้น, แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเครโดเป็นคนเดินออกมา.>

เนโร่: นั่นนายกำลังไปยิงศัตรูของนายอยู่หรือไง.

<เครโดได้ยินที่เนโร่พูด จึงเดินไปหาเนโร่.>

เนโร่: เอาละ, ชั้นอยากจะถามนายอยู่พอดี... ภาคีแห่งดาบต้องการทำอะไรกันแน่? และใครคือ ดันเต้?

เครโด: นายไม่ต้องการคำตอบจากชั้นหรอก!

<เครโดจะชักดาบฟันใส่เนโร่, แต่เนโร่จะป้องกันคมดาบด้วยแขนอสูรของเขา.>

เครโด: นายมีพลังของปีศาจ...

เนโร่: เดี๋ยวก่อน! ชั้นไม่ได้จะมาทำร้ายนายนะ. แล้วก็ไม่ได้จะมาทำร้ายไครี่ด้วย!

เครโด: "ทำร้ายชั้นงั้นหรือ"? นายแน่ใจหรือว่า,นายจะไม่ทำอย่างนั้น?

<เครโดจะเริ่มกลายร่างเป็นปีศาจ.>

เนโร่: นายก็...

<เครโดกลายร่างเป็นปีศาจที่มีดาบสีทอง. และปีกสีขาว>

เครโด: ชั้นได้รับการวิวัฒนาการแล้ว,เป็นอะไรที่มากกว่ามนุษย์. ชั้นคือผู้พิทักษ์ของพระเจ้า!

เนโร่: ผิดแล้ว, เครโด. นั่นมันก็แค่ทำให้นายกลายเป็นปีศาจตัวหนึ่งเท่านั้น.

เครโด: ชั้นหัวหน้าของเหล่าอัศวินศักสิทธ์, นายต้องถูกจับ. และนี้เป็นความประสงค์ของท่านประมุข!

< เนโร่จะสู้กับเครโด. แล้วชนะเขา, ในที่สุดเครโดก็กลับกลายเป็นร่างมนุษย์เหมือนเดิม>

เครโด: มะ...ไม่! งานของชั้นยังไม่จบ!

<เครโดจะพยายามเอาดาบฟันเนโร่,แต่เนโร่ก็ป้องกันได้ง่ายๆ.>

เครโด: นายแข็งแกร่งขึ้น!

<เนโร่ได้ยินเสียงของใครบางคนดังข้างหลังเขา. แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาคือไครี่.>

เนโร่: ไครี่...

<ไครี่เธอมองไปที่แขนอสูรของเนโร่, เนโร่จะพยายามซ่อมแขนอสูรของเขา.ไครี่มองไปที่เครโดพี่ชายของเธอที่นอนอยู่ ที่พื้น, และเดินถอยหนีจากเนโร่.>

เนโร่: เดี๋ยวก่อน... มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ...

ไครี่: ทำไม...? ทำไมเธอถึงทำแบบนี้...?

< เนโร่จะพยายามเดินเข้ามาหาเธอ, แต่แอ็กนัสจะปรากกฎตัวมายืนอยู่ข้างๆ ไครี่ พร้อมรอยยิ้ม.>

แอ็กนัส: พวกเราจะปกป้องเธอ. จากแกที่เป็นปีศาจเอง.

เนโร่: แก....

ไครี่: เนโร่.

แอ็กนัส: ไม่ต้องห่วง. ชั้นจะไม่ทำร้ายเธอ...หรอก. เพื่อเห็นแก่มิตรภาพอันแสนหวานของพวกแก...

<แอ็กนัสจะล็อคคอไครี่ แล้วเอาดาบจ่อคอเธอไว้.>

เนโร่: เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้... ปล่อยเธอไปซะ!

เครโด: แอ็กนัส! แกกล้าใช้น้องสาวชั้นงั้นหรือ! นี้เป็นการต่อสู้ของชั้น ชั้นจะจบเรื่องด้วยตัวชั้นเอง! ปล่อยเธอไปซะ!

แอ็กนัส: ท่านประมุข คิดไว้อยู่แล้วว่า แกจะต้องแพ้ ก็เลยว่าจะใช้น้องสาวของแกให้เป็นประโยชน์หน่อย.

เครโด: อะไรนะ...?

<แอ็กนัสจะแปรงร่างเป็นปีศาจบิน,โดยจับตัวไครี่ไปด้วย .>

แอ็กนัส: ถ้าอยากได้ตัวเธอคืน, แกต้องหามาพวกเรา, สำหรับชั้นแล้ว ชั้นจะไม่รับประกันชีวิตเธอนะ.

<แอ็กนัสหัวเราะ ก่อนบินจากไป.>

เครโด: ท่านประมุข... ท่านคิดจะใช้ไครี่งั้นหรือ...?

เนโร่: มันจะเอาเธอไปที่ไหน? กลับไปที่สำนักงานใหญ่ใช่ไหม?

<เนโร่ดึงคอเสื้อเครโดขึ้น.>

เครโด: ชั้นคิดว่าอย่างนั้นล่ะ.เนโร่, เราสองคนต้องช่วยกัน ชั้นจะไปหาความจริงกับเรื่องนี้เอง.

<เครโดจะกลายร่างเป็นปีศาจอีกครั้งและบินจากไป.>


MISSION NINE :: FOR YOU

< เนโร่จะกลับมาที่สำนักงานใหญ่ของภาคี และได้เห็นไครี่ถูกจับอยู่ในหลอดทดลองแก้วสีแดง,เขาพยายามจะเข้าไปช่วยเธอ, แต่แอ็กนัสจะโผล่มาพอดี>

แอ็กนัส: ในที่สุด, แกก็มา.

เนโร่: แกทำอะไรไครี่?

แอ็กนัส: ทำไมแกไม่แหกตาของแกดูเอาเองละ. แต่อย่าคิดว่าจะจัดการชั้นได้ง่ายๆนะ มันหมดเวลาของแกแล้ว.

เนโร่: งั้นชั้นก็จะ
จัดการแก เพื่อช่วยไครี่, ก็เท่านั้น.

<เนโร่จะสู้กับแอ็กนัสจนชนะ.>

แอ็กนัส: ไอ้สารเลว! ไอ้บัดซบ! ชั้นจะ
จัดการแก! ชั้นจะจัดการแก!

เนโร่: ขอคืนคำพูดของแกให้แกหมดเลยละกัน? ชั้นคิดว่าแกคงหายข้องใจแล้วสินะ.

<แอ็กนัสจะสั่งพวก อัศวินเกราะเหล็ก ให้เข้าจัดการกับเนโร่. แต่แซงค์ทัสในร่างปีศาจก็โผล่ออกมา>

แอ็กนัส: ท่านประมุข!

แซงค์ทัส: พอแค่นั้นแหล่ะ, แอ็กนัส. รีบไปเตรียมการให้เรียบร้อยซะ.

แอ็กนัส: ตามพระประสงค์ครับ.

<แอ็กนัสจะพยายามบินหนีไปโดยเอาตัวไครี่ไปด้วย,เนโร่เห็นไครี่จะโดนเอา ตัวไป. เขาจึงวิ่งฝ่าวงล้อมของอัศวินเกราะเหล็กเข้าไปหาไครี่ ที่แอ็กนัสจับตัวไป>

เนโร่: ปล่อยเธอไปซะ! ไครี่!

ไครี่: เนโร่...

< เนโร่ฝ่าวงล้อมอัศวินเกราะเหล็กแล้วกระโดดขึ้นไป ใช้มืออสูรของเขาคว้าตัวไครี่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไปไม่ถึง คว้าได้เพียงแค่สร้อยคอที่เขาให้กับเธอไว้เท่านั้น.>

แซงค์ทัส: เจ้าเป็นผู้สืบทอดพลังของสปาด้าสินะ.

<แล้วแซงค์ทัสจะหนีไป, เนโร่จะระเบิดพลังของเขาออกมา จัดการพวกอัศวินเกราะเหล็ก เสร็จแล้วเขาจะมองไปที่ท้องฟ้า และก้มลงมองสร้อยคอที่เขาคว้าได้จากไครี่ เขาจะทุบพื้น และกรีดร้องในความผิดหวังของเขาเอง.>


MISSION TEN :: WRAPPED IN GLORY

<เนโร่จะเข้ามาในห้องๆหนึ่งในสำนักงานใหญ่ของภาคี, และได้พบกับดันเต้.>

ดันเต้: ไม่ได้เห็นนายนานเลยนะ?

เนโร่: นาย...นายมาทำอะไรที่นี้? เอ่อ..ชั่งมันเถอะ, ชั้นมีเวลาไม่ค่อยมากเท่าไร.

ดันเต้: ชั้นว่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่างแหละ.

<ดันเต้จะแตะบ่าของเนโร่ ขณะที่เนโร่กำลังเดินจากไป,แต่เนโร่จะหันมาต่อยด้วยความรวดเร็ว, ซึ่งดันเต้จะหลบได้อย่างง่ายดาย. และจับแขนเขาไว้>

ดันเต้: เดี๋ยวชั้นตัดมันออกซะเลยนี้.

<ดันเต้จะจับเนโร่มาที่กำแพง.>

ดันเต้: ชั้นมาที่นี้ เพราะดาบนั่น.

เนโร่: นี้คือ แผนการนายสินะ?

<เนโร่จะระเบิดพลังของดาบยามาโตะออกมาเป็นร่างปีศาจ.ดันเต้ซึ่งดูอยู่ก็ สนใจไม่น้อย.>

ดันเต้: นั่นมันของพี่ชายชั้น...เอามันมาให้ชั้นและชั้นจะปล่อยนายไป,เจ้าหนู

เนโร่: เจ้าหนูงั้นหรือ? แหม...ชั้นเห็นหน้านายทีไร นายคงจะขายขึ้หน้า น่าดูเลย ถ้าชั้นเตะก้นนายได้.

<เนโร่ ฟันดาบใส่ดันเต้ >

ดันเต้: อ่า, นั่นเป็นคำพูดของนาย, ที่พูดกับคนที่แก่กว่าหรือไง...

<เนโร่จะสู้กับดันเต้ เมื่อชนะ จะตัดเป็นฉากที่เนโร่ใช้ดาบยามาโตะฟันใส่ดันเต้จนดาบของดันเต้กระเด็นหลุด จากมือ เนโร่เห็นโอกาสชนะจึงใช้ดาบหมายแทงคอหอยดันเต้ แต่ดันเต้จะเอียงตัวหลบ พร้อมผลักเนโร่จนล้มลง เนโร่พยายามลุกขึ้น แต่ดันเต้จะเอาขายืนแขนที่ถือดาบของเนโร่และเอาดาบจ่อคอไว้.>

ดันเต้: แกเก่งมาก,ไอ้หนู? แล้วไงต่อ? ไงนลงไปนอนอย่างนั้นละ?

เนโร่: ดูเหมือนว่า นายกับชั้นเพิ่งจะเริ่มเล่นกันเท่านั้น.

<ดันเต้จะเอาดาบและเท้าออกจากเนโร่, เนโร่จะยืนขึ้น>

ดันเต้: ดาบนั่น...สามารถใช้แยกโลกมนุษย์กับโลกปีศาจได้. ชั้นไม่รู้ว่ามันมีพลังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร? นับจากมันได้มาอยู่กับคนในครอบครัวของชั้น..

เนโร่: ชั้นต้องการมัน...

ดันเต้: งั้นเก็บไว้

<เนโร่หันมามองหน้าดันเต้.>

ดันเต้: เมื่อนายใจเย็นลงและเสร็จเรื่องแล้ว...ค่อยเอาคืน.

<เนโร่จะถือดาบยามาโตะและเดินผ่านหลังดันเต้ไป.>

ดันเต้: เฮ้! นายชื่ออะไร?

เนโร่: เนโร่. นายดันเต้, สินะ? ชื่อไม่เลวนิ...

ดันเต้: อาจจะไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก.

<เนโร่เดินจากดันเต้ไป, แต่กลอเรียจะโผล่มาหาดันเต้แทน.>

ดันเต้: ชุดสวยดีนิ.

กลอเรีย: ชั้นประทับใจจริงๆ.

<เธอจะดึงเสื้อผ้าออก. ซึ่งตัวจริงของเธอก็คือ ทริช ที่มาสืบข่าวให้ดันเต้นั่นเอง>

ทริช: เธอแน่ใจหรือ ที่จะปล่อยเขาไป?

ดันเต้: ใช่, ชั้นคิดว่าเขารับภาระนี้ไหวนะ.

ทริช: ชั้นรู้นะ ว่ามันไม่ใช่ธุระของชั้น, แต่ว่าแบบนี้มันไม่ดู น่าเกลียดไปหน่อยหรอ.

ดันเต้: ก็แหม, ถ้าเด็กนั่นคุมไม่อยู่, ชั้นก็แค่ไล่เตะก้นเขาแทน ก็เท่านั้น.


MISSION ELEVEN :: THE NINTH CIRCLE

<เนโร่ได้ขึ้นมาบนหอคอยแห่งหนึ่ง,แล้วได้พบกับแซงค์ทัสประมุขแห่ง ภาคี.>

เนโร่: อะไรกันนิ...

<เนโร่เล็งปืนไปที่แซงค์ทัส.>

แซงค์ทัส: แบบนี้คงไม่สวยมั้ง?

เนโร่: ชั้นคิดว่า เรามีความข้อเห็นที่ต่างกันวะ.

แซงค์ทัส: ชั่งโชคร้ายดีแท้.

<เนโร่ยกปืนไปที่ผนึกคล้ายเพชร.และได้เห็นไครี่ไม่ได้สติอยู่ในผนึก.>

เนโร่: ไครี่!

<ไครี่ลืมตามองมาที่เขา.>

แซงค์ทัส: เจ้าไม่อยากเป็นหนึ่งเดียวกับเธอหรือ? ตายด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวภายในร่างของพระเจ้า, และใช้ความบริสุทธ์นั้น,เป็นพลังให้แก่ข้า

เนโร่: แกก็ไปคนเดียวซิวะ.

<ไครี่จะยิ้มให้เนโร่,เนโร่จะลดปืนลงแล้วพูดกับเธอ.>

เนโร่: ชั้นมาที่นี้เพื่อช่วยเธอ... ได้โปรดเชื่อใจชั้น.

<เมื่อเนโร่พูดจบ,ไครี่ก็โดยดึงเข้าไปในผนึก.>

แซงค์ทัส: ชั้นเสียใจด้วยนะ สายไปเสียแล้ว. แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์, แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีของเจ้า ที่จะได้เห็นพลังที่แท้จริงของพระเจ้า!

<เนโร่จะเข้าต่อสู้กับแซงค์ทัสและรูปปั้นเทพเจ้า, แซงค์ทัสจะแพ้ในการต่อสู้กับเนโร่. เขาจึงบินหนีขึ้นไป, ไครี่จะถูกปล่อยตัวออกมาจากผนึกอีกครั้ง, เนโร่จะล้มลง. แซงค์ทัสเห็นโอกาสชนะจึงโจมตีเนโร่ทันที.>

แซงค์ทัส: เพื่อความรักงั้นหรือ. น่าสมเพชยิ่งนัก. แต่อย่างไรก็ตาม,ชั้นต้องการคนที่มีพลังผู้สืบทอดจาก
สปาด้า. เจ้าเองก็ไม่ใช่พวกเดียวกับดันเต้,แล้วเจ้ายังคิดที่จะต่อสู้กับข้างั้น หรือ.

เนโร่: ดันเต้...?

แซงค์ทัส: ความจริง ชั้นอยากจะดูดเจ้าให้เป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้นเทพเจ้า, แต่เจ้ามีบางสิ่งที่น่าสนใจ,
แล้วมันจะทำให้แผนการของชั้นสำเร็จอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น.

<แซงค์ทัสจะใช้รูปปั้นเทพเจ้าจับเนโร่ไว้อยู่.ซึ่งตอนนี้ดาบยามาโตะก็ได้ ไปอยู่กับแซงค์ทัสแล้ว.>

แซงค์ทัส: เมื่อใดที่เลือดของเจ้ากับดาบแห่งยามาโตะ หลอมรวมกัน, เราจะสามารถเปิดประตูอัญเชิญบานสุดท้ายได้ในที่สุด.

<ทันใดนั้น, เครโดจะโผล่ออกมาช่วยเนโร่จากแซงค์ทัส.>

เครโด: เนโร่! หนีไปซะ!

<เนโร่จะหนีออกจากกำปั้นของรูปปั้นเทพเจ้าได้สำเร็จ, และเครโดจะถูกแซงค์ทัสแทงด้วย
ดาบยามาโตะ.>

เนโร่: เครโด!

แซงค์ทัส: เจ้าทรยศพวกเรา. ทำไมกัน?

เครโด: ข้าคิดถึงโลกในอุดมคติของท่านมาตลอด, โลกใหม่ที่มีพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดเสมอ...แต่ท่านใช้น้องสาวของข้า, ไครี่, เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้, และนี้ล่ะ ที่ข้ายกโทษให้ไม่ได้.

แซงค์ทัส: เพราะความรักงั้นหรือ...? เพื่อพี่น้องงั้นหรือ...? ชั่งโง่เขลานัก.

<แซงค์ทัสดึงดาบออกจากร่างของเครโด, ร่างของเขาร่วงลงจากรูปปั้นเทพเจ้า สู่พื้นข้างล่าง.>

แซงค์ทัส: พลังที่แท้จริง คือความถูกต้องของทั้งหมด!

<ก่อนที่เครโดจะร่วงลงสู่พื้น,ดันเต้ได้โผล่มารับเครโดที่กำลังตกลงมาเอา ไว้ได้ทัน,โดยมีทริชยืนอยู่ข้างๆ เขา.>

แซงค์ทัส: โอ้, นั่นเจ้าเองสินะ... กลอเรีย. ชั่งโรคร้ายนัก ข้าได้เลือดจากผู้สืบทอดพลังของสปาด้าแล้ว,เพราะ เจ้าเด็กนี้, แกเลยไม่มีความจำเป็นต่อชั้นอีกแล้ว! รูปปั้นเทพเจ้า ฟื้นคืนชีพแล้ว!

ดันเต้: ชั้นไม่สนใจหรอก, ชั้นพนัน ได้ว่าเจ้าหนูนั่น เขาสามารถจัดการปัญหาชีวิตได้ด้วยตัวเขาเอง.

<ขณะที่แซงค์ทัส เผลอ, เนโร่จะใช้แขนอสูรยืดออกไปที่กำแพง. แต่แล้วแขนอสูรของเนโร่ก็โดนดาบยามาโตะแทง.>

แซงค์ทัส: เจ้ามันโง่เขลานัก! จะหนีทั้งๆที่เป็นไปไม่ได้งั้นหรือ! พีธีกรรมยังไม่จบแค่นี้หรอก!

<เนโร่จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด, และแสงจากแขนอสูรของเขากค่อยๆ จางลงไป.>

ดันเต้: เฮ้, เจ้าหนู! นายจะยอมแพ้แค่นี้หรือไง?

เนโร่: ชั้นก็มีทางเลือก...ของชั้นเอง...

ดันเต้: เหมือนละครน้ำเน่าไม่มีผิดเลย. เอาเถอะ, นายจะต้องตายด้วยดาบของชั้นเท่านั้น, ชั้นอยากจะให้มันจบๆ เรื่องซะที!

<เนโร่จะโดนดูดเข้าไปในรูปปั้นเทพเจ้า.>

เนโร่: แล้วจะกลับมาเช็คบิล.

ดันเต้: อะไรก้าน...


MISSION TWELVE :: A NEW BEGINNING

<ในรูปปั้นเทพเจ้า, เนโร่จะเห็นไครี่อยู่ข้างหน้าเขา.>

เนโร่: ไครี่. ชั้นช่วยเธอไว้ไม่ได้.

<ไครี่เธอส่งยิ้มพร้อมยื่นมือของเธอไปที่เขา, เนโร่พร้อมจะคว้างมือเธอไว้. แต่แล้ว,
เมื่อเขาสัมผัสมือเธอ,ร่างกายของเธอก็ค่อยๆกลายเป็นละอองอากาศสีทองไป.>

เนโร่: ไครี่...

ไครี่: เนโร่... ขอบคุณมากนะ.

เนโร่: ไครี่! ไครี่! ชั้นสาบานเอาไว้! ชั้นสาบานไว้ ว่าเราจะออกไปจากที่นี้ด้วยกัน!
ไปด้วยกันเถอะ! ไครี่! ไครี่!

<เนโร่ได้แต่จมปักอยู่ในความสิ้นหวัง ตัดออกมาที่ข้างนอกรูปปั้นเทพเจ้า. รูปปั้นเทพเจ้าได้มีปีกสีทองออกมาจากด้านหลัง, ดันเต้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ.>

ดันเต้: ดูมันสิ ! มันมีปีกด้วยวะ!

ทริช: ก็ออกแบบได้น่ากลัวดีนิ.

< เครโดค่อยยืนขึ้นข้างๆ พวกเขา, ดันเต้และทริชเลยหันมามองเครโดที่กำลังยืนขึ้น.>

ดันเต้: นิ, พวกมันกำลังไปที่ไหน? มันคงยังไม่สมบูรณ์สินะ?

เครโด: มันกำลังไปที่ใจกลางของโลกแห่งความวุ่นวาย...เขาจะเริ่มจากควบคุมให้มันออก มา.

ทริช: ตอนนี้ พวกเขาอยากได้ดาบยามาโตะไป...ทำไม.

เครโด: สปาด้าเคยใช้มันปิดประตูนรกจากโลกของปีศาจ, ดาบนั่นเป็นกุญแจสำคัญที่ใช้เปิดประตูนรก.
ประตูนรกที่แท้...ซึ่งมันอยู่ใต้เมืองแห่งนี้...

ดันเต้: ดาบนั่นสามารถใช้เชื่อมต่อและแยกโลกมนุษย์กับโลกปีศาจได้จริงสินะ...

เครโด: ข้าคิดว่า ท่าน, ซึ่งเป็นลูกชายของอัศวินรัตติกาลสปาด้า, คงเป็นคนเดียวที่จะสามารถหยุดรูปปั้นเทพเจ้าในตอนนี้ได้. ดันเต้...

ทริช: ดูเหมือนว่า เธอจะได้เลื่อนตำแหน่งอีกแล้วนะ.

ดันเต้: ดูท่าจะเป็นอย่างนั้น.

เครโด: ได้โปรด...ฟังคำขอร้องสุดท้ายจากข้า...ช่วยพวกเขาด้วย...ไครี่...และเน โร่...

<ดันเต้ประคองเครโดที่ล้มลง และร่างกายของเขาก็กลายเป็นละอองอากาศสีทองหายไป.>

ดันเต้: ชั้นทำแน่. ชั้นไม่ปฎิเสธคำขอของคนตายหรอก.

ทริช: ชั้นจะกลับไปที่เมืองและอพยพผู้คนนะ.

ดันเต้: เฮ้ ! ถ้าทางที่เธอกลับไปเป็นทางที่ทึ้งขยะละก็ ที่นั้นมีคนอยากร่วมโต๊ะด้วยคน

ทริช: เธอต้องการตัวช่วยหรือไง?

ดันเต้: ก็เจ๋งดีนิ. ทำตามแผนกันเลย.


MISSION THIRTEEN :: THE DEVIL RETURNS

<ระหว่างนั้น, ข้างในหอคอยพิธีกรรม, แอ็กนัสเดินเข้ามาที่ฐานที่พื้นวงกลมสีแดงซึ่งมีรูสำหรับเสียบดาบ โดยแอ็กนัสได้ถือดาบยามาโตะมาด้วยในมือ.>

แอ็กนัส: จงให้ข้ายืมหูและเขี้ยว.

<กลางห้องจะมีผนึกสีแดงอยู่ตรงกลาง.>

แอ็กนัส: จงทำลายโลกนี้เพื่อให้โลกในอุดมคติ จงบังเกิด!!!

<แอ็กนัสแทงดาบยามาโตะลงไปที่ผนึกสีแดง,จนมันแตกกระจายไปรอบห้อง.>

แอ็กนัส: วันแห่งการพิพากษาได้มาถึงแล้ว!

<ผู้คนในเมือง,ต่างตกใจกับประตูนรกที่แตกออกมาจากหอคอยพิธีกรรม,ปีศาจมาก มายออกมาเป็นสายสีดำทมึฬ. คนบางกลุ่มบางแอบหลบอยู่ในซอกซอยเล็กๆบางก็ถูกปีศาจ
จัดการตาย, เมื่ออัศวินเกราะเหล็กมาถึง ก็เข้าต่อสู้กับพวกปีศาจทันที.แล้วรูปปั้นเทพเจ้าก็มาถึงที่เมือง พวกอัศวินเกราะเหล็กก็ยังคงต่อสู้กับปีศาจต่อไป.>

แซงค์ทัส: จงอย่ากลัว! พระผู้ช่วยให้รอดมาถึงเราแล้ว, เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติทั้งปวง พวกเราจงสำนึกผิดและจงดีใจกับโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นเถิด!

<ผู้คนในเมืองต่างมองดูรูปปั้นเทพเจ้าซึ่งตอนนี้มีปีศาจไปเรียงรายโดย รอบ,แซงค์ทัสจะหัวเราะในความสำเร็จของตน,ดันเต้ซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของ เมืองยืนดูเหตุการณ์และตบมือให้.>

ดันเต้: นั่นคงเป็นแผนการเหมือนตดคนแก่ อย่างแกสินะ.

<ดันเต้จะไปตามทางของเขาผ่านทางสำนักงานใหญ่ของภาคีแห่งดาบ,และกำจัด ศัตรูตามทางที่เขาเจอ. แล้วเกมส์จะตัดเป็นฉากย้อนหลัง,ของดันเต้,ทริชและเลดี้ที่ร้านเดวิลเมย์ครา ย, ซึ่งดันเต้กับทริชกำลังนั่งกินพิซซ่าอยู่.>

ดันเต้: ภาคีแห่งดาบงั้นหรือ, หือ?

เลดี้: ใช่. นายเป็นพวกเดียวกับเขาหรือไง?

ดันเต้: ขอโทดทีเถอะ, ถ้าเรื่องของพวกคลั่งศาสนาละก็อย่าเอาชั้นไปรวมเลย.

เลดี้: มันเป็นการชุมนุมเล็กๆในปราสาทฟอทูน่า. ชั้นเดาว่า มีใครบ้างคน กำลังหาสิ่งที่น่าสนใจอะไร ที่นั้นสักอย่าง.

ดันเต้: เหมือนเธองั้นหรือ?

เลดี้: แน่นอน. นายรู้เรื่องเกี่ยวกับสปาด้าดีแค่ไหนหันเชียว?

ดันเต้: ก็แหม, อะไรที่ชั้นนึกว่ามันเป็นสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย นั้นก็คือทั้งหมดของเขานั่นแหละ.

เลดี้: เรื่องราวของสปาด้าและสถานที่ที่สปาด้าเคยอยู่มานานแล้วหลายทศวรรต. ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างนับถือและบูชาเขา...ดั่งพระเจ้า.

ดันเต้: พวกเขาบูชาปีศาจเป็นพระเจ้างั้นหรือ?

เลดี้: ไม่ต้องไปสนใจเรื่องการบูชาหรอก, แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คำสั่งของพวกเขาที่สั่งไล่ล่า,จับปีศาจและนั่นมันก็สะเทือนถึงงานของชั้น ด้วย.

ดันเต้: บางที พวกเขาอาจจะกำลังสวนสัตว์อยู่ก็ได้.

เลดี้: ไม่ใช่เรื่องปีศาจนั่น. เป้าหมายของพวกเขาคือแขนอสูร,เหมือนกับที่นายมีอยู่.

ดันเต้: โอเค งั้นก็, พวกเขาจะเปิดพิพิธภัณฑ์ ละมั้ง. แล้วไงล่ะ?

เลดี้: ฟังนะ ถ้าความตั้งใจของพวกเขาคือการวางแผนชั่วร้ายอยู่ละก็ ระหว่างนั้นจะปล่อยให้มัน
ผ่านไปหรือไง?

ดันเต้: ก็ดี ชั้นเอาก็มีบางอย่างที่ต้องเก็บคืนมาเป็นของชั้นเอง และ- ทริช!

<ดันเต้มองไปด้านหลังที่ทริชอยู่,แต่เธอได้หายตัวไปแล้ว.โดยที่กำแพงมี ดาบของสปาด้าหายไปพร้อมกับข้อความว่า: "เจอกันที่นั่น." ตัดมาที่อยู่ปัจจุบันของดันเต้,ซึ่งตอนนี้เขากำลังเดินอยู่ในป่าแห่ง หนึ่ง.>

ดันเต้: ทุกอย่างเริ่มจะวุ่นวายซะแล้ว...
<ดันเต้จะเข้ามาในป่าแล้วเจอประตูนรก ที่เนโร่ได้เจอมาก่อนหน้านี้,และได้พบกับปีศาจอีชิทน่าอีกครั้งหนึ่งจึงเกิด การต่อสู้กันขึ้น>

อิชิทน่า: อะไรอยู่ใน- โอ้ว! แกเป็นใครไม่ทราบ?

ดันเต้: ดูเหมือนว่า เธอจะเอาใจใส่ชั้นเหลือเกินนะ. แต่ชั้นเริ่มที่จะไม่ค่อยสนใจแล้วสิ.

อิชิทน่า: แกคงจะพูดเล่นได้แค่นี้แหละ, เพราะชั้นคิดว่าแกจะต้องเสร็จ ลูกๆของข้า!

<อีชิทน่าซ่อนตัวในช่อดอกไม้และไล่กัดดันเต้,ดันเต้จะโดนกัดเข้าที่ขา แล้วถูกกลืนเข้าไปในปาก
สักพัก ดันเต้ก็งัดปากอิชิน่าออกมา.>

ดันเต้: ฟังดูไม่เลวนิ, ชั้นคิดแค่ว่า ชั้นจะผ่านมาเฉยๆ. กลับได้สู้ซะงั้น และมันก็เป็นสิ่งที่ชั้นสนใจซะด้วยสิ. เธอก็คิดอย่างนั้นใช่มั๊ย?

<ดันเต้สู้กับอิชิทน่า.>

อีชิทน่า: ป่าของข้า...! ลูกๆของข้า...!

<ดันเต้ยิงอีชิทน่าจนตัวมันระเบิด.>

ดันเต้: ชั้นคิดว่าชุดเธอสวยดีนิ.

<ดันเต้เห็นออบสีเขียวและเก็บมันมา.>

ดันเต้: เสร็จไปหนึ่ง...

<หลังจากดันเต้ได้ออบสีเขียวมา เขาก็ได้อาวุธใหม่เป็นชุดเกราะที่มีชื่อว่า กิลกาเม แล้วเขาก็ทดลองใช้มันกับประตูนรก.>

ดันเต้: ...เหลืออีกสอง


MISSION FOURTEEN :: FOREST OF RUIN

(ไม่มีบทพูดในฉากนี้.)


MISSION FIFTEEN :: FORTUNA CASTLE

<ดันเต้ได้เข้ามาในปราสาทฟอทูน่าจนถึงส่วนที่เป็นลานหิมะ เขาได้ยินเสียงผู้หญิง.เขามองไปรอบๆก็เห็นไฟสองดวงลอยอยู่บนอากาศ.>

ดันเต้: ไงที่รัก! ใช่เลย! ต้องงี้สิ! ดีมาก! หวานไม่บ่อยนิ!

<ดันเต้จะเดินมาลงพร้อมกับสนุกในสิ่งที่เห็น, และจะมีคางคกกระโดดขึ้นมากพยายามที่จะกัดเขา.แต่ดันเต้กระโดดหนีทัน.>

ดาก้อน: อะไรกัน...? แกรู้ตัวได้ไง !?

ดันเต้: แกซ่อนตัวอยู่ก็จริง,แต่กลิ่นเหม็นมันโชยวะ...ฮู้! ไงนก็ปิดไม่มิดวะ!

ดาก้อน: แกดูถูกข้างั้นหรือ และแกจะต้องโดนทรมานอย่างสาสม.

ดันเต้: แล้วชั้นจะรอดูว่าแกทำได้จริงหรือเปล่า!

<ดันเต้สู้ชนะดาก้อน.>

ดาก้อน: อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้...พวกของข้ายังมีมากกว่านี้อีก.

<ดันเต้จะกระโดดขึ้นไปจัดการมันที่หัว,ตัวของมันก็จะกลับกลายเป็นน้ำแข็ง และแตกกระจายไปในที่สุด.แล้วดันเต้จะได้อาวุธใหม่เป็นกระเป๋าที่มีชื่อว่า แพนโดร่า.>

ดันเต้: ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้พูดเล่นสินะ... พวกแกคง-อยาก-จะ-กิน บุพเพ่กันแล้วใช่มั๊ย.

<ดันเต้พูดขึ้นมาหลังจากที่มีฝูงคางคกมากมายตรงมายังเขา,และเขาก็ใช้ อาวุธใหม่ที่ชื่อว่า
กล่องแพนโดร่า จัดการกับศัตรูทั้งหมดได้อย่างงายดาย, แล้วดันเต้จะร่วงลงไปในห้องเครื่องยนต์.>


MISSION SIXTEEN :: INFERNO

<ข้างในห้อง...>

ดันเต้: โอ้ เจ๋ง.

<เมื่อดันเต้เข้ามาที่นี้ เขาจะเจอควันพิษเล่นงานทันที ถ้าเราเล่นในเกมส์มันจะทำให้พลังชีวิตของเราลดลงเรื่อยๆ ต้องรีบออกไปจากที่นี้.>

ดันเต้: นี้ชั้นยังเจออุปสรรคมาไม่พอหรือไงหว่า...

<ดันเต้จะไปตามทางของเขา จนเขาออกมาจากปราสาทฟอทูน่า, เขาจะมาถึงที่ที่เป็นลานหิมะ. เมื่อเขามุ่งหน้าลงไปตามทางด้านล่างของแผ่นที่ผ่านอุโมงค์ไป ,เขาก็ได้เห็นจอมปีศาจบริชยืนดูรูปปั้นเทพเจ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอยู่.>

บริช: มนุษย์นั่นจะวางท่าเป็นพระเจ้างั้นหรือ...? ไม่มีทาง!

ดันเต้: นายไม่ต้องพูดเลย...

<บริชจะมองรอบๆจนเห็นดันเต้ จับหางของบริชอยู่.>

บริช: อะไรของแก...

<บริชจะสะบัดหางของมันให้หลุดจากดันเต้ไปรอบๆ,แล้วไฟก็ไปเผาโดนเสื้อคลุม ของดันเต้เข้าให้.>

ดันเต้: นายน่าจะเห็นชั้นตั้งนานแล้วนะ...ดูสิ เสื้อคลุมของชั้นไหม้เกรียนเลย.

บริช: ลูกชายชื่อเหม็นที่สุดของสปาด้านี้เอง... ข้าจะแก้แค้นให้พวกของข้าที่แก
จัดการไปด้วยดาบของแก!

<ดันเต้สู้กับบริช และชนะ.>

บริช: แกเก่งกว่าข้างั้นหรือ... แกจะดูถูกข้ามากไปแล้ว!

ดันเต้: ชั้นให้นายเลือกนะว่า นายจะตายอยู่ตรงนี้ ไม่ก็ย้ายก้นน่าเกลียดๆของนายกลับเข้าประตูนั้น.
ที่มันเรียกนายมาซะ,เลือกเอานะเพื่อน.

บริช: ข้าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกครั้งแน่.

<บริชจะยิงลูกไฟใส่ดันเต้, แต่ดันเต้ก็หยุดลูกไฟได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว.>

ดันเต้: นั่นไม่ดีเลยนะ... ชั้นว่าชั้นจะให้เวลานายทำตามสิ่งที่ชั้นพูดเหมือนกี้นี้แล้วเชียว...

<ดันเต้จะได้อาวุธใหม่ที่มีชื่อว่า ลูซิเฟอร์ ซึ่งเป็นดาบแสงสีแดงรอบตัวเขากับหัวแมลงเกาะที่บ่าของเขา.>

ดันเต้: ตอนแรกชั้นว่าจะเอามันออก! แต่ว่ามัน! เจ๋งดีแฮ่ะ! ทุกสิ่งทุกอย่าง... ! มันแทงทะลุได้หมด! แล้วมันก็... ! แข็งแกร่งซะด้วยสิ... ! ชั้น...ชักจะติดใจซะแล้ว!

<ดันเต้คาบดอกกุหลาบไว้ที่ปาก,พร้อมแอ็กท่าโชว์รูปหัวใจที่เขาทำไว้บน ประตูนรก.>

ดันเต้: มันจบแล้ว...

<ดันเต้ดีดนิ้วของเขา และมันก็ระเบิด,ประตูนรกจนพง.>

ดันเต้: พวกเราทั้งหมดคงพอใจกันนะ...และนายก็เป็นอิสระแล้ว... !

<ดันเต้จะโยนดอกกุหลาบทึ้ง,และมองไปที่รูปปั้นเทพเจ้าที่ลอยอยู่บนท้อง ฟ้า.เขายกแขนของเขาขึ้นมา.>

ดันเต้: แกไม่ได้ดูเจ๋งไปกว่านี้หรอก เมื่อชั้นยืนอยู่ต่อหน้าแก. ตอนนี้ เหลือแกกับชั้นแล้ว,
คุณรูปปั้นเทพเจ้า.


MISSION SEVENTEEN :: ADAGIO FOR STRINGS

<ดันเต้ได้กลับมาที่โรงละคร,แล้วได้เจอแอ็กนัสระหว่างทางจึงเกิดการ ต่อสู้กันขึ้น.>

แอ็กนัส: มันเป็นการสันนิฐานของชั้น ที่ว่าปีศาจพวกนั้นยังด้อยไป...ถ้าจะสู้กับแก.

ดันเต้: แกอัญเชิญพวกมันมาแล้วก็
จัดการ...อัญเชิญมาแล้วก็จัดการ...ชั้นก็เพิ่งได้เห็นคน วิปริตที่นี้.
นี้เป็นราคาที่จ่ายให้กับพลังที่ได้มาหรือไง!?

แอ็กนัส: มนุษย์งั้นหรือ... พวกมันหัวรั้นและโง่เขลาที่สุด. พวกมันต้องลงนรกไปไม่ก็ยอมรับและสรรเสริญพระเจ้าของพวกเราเท่านั้น. ซึ่งมันก็เป็นจริงในวันแห่งการพิพากษานี้.

ดันเต้: การพิพากษาอะไรนั่นของแกก็น่าสนใจไม่เลวนิ. แต่สำหรับชั้นแล้ว ที่นี้...มันต้องปรับปรุงใหม่วะ...อะไรที่มันเคยเป็นของชั้น.

<แอ็กนัสจะแปรงร่างเป็นปีศาจ.>

แอ็กนัส: ดาบแห่งยามาโตะ! แกกำลังหามันอยู่สินะ. และชั้นก็รอให้แกมาติดกับ!

ดันเต้: งั้นแกก็เป็นตัวขัดขวางในสิ่งที่ชั้นต้องการสินะ.

<ดันเต้จะยิงปืนใส่แอ็กนัส.>

ดันเต้: ชั้นส่งเสริมเลย! สำหรับเรื่องการต่อสู้ แต่แกคิดผิดอย่างแรงเลยวะ ที่เจอกับชั้น, จากนี้ฟอทูน่าได้หนาวกันแน่!

<ดันเต้สู้กับแอ็กนัส ชนะแล้ว, แอ็กนัสก็กลับเป็นร่างมนุษย์เหมือนเดิม.>

แอ็กนัส: ทำไม... ถึงแตกต่างกัน ระ-ระ-ระ-ระหว่างแกกับข้าทำไมถึงต่างกันนักวะ?

ดันเต้: แกลืมตัวตนที่เป็นมนุษย์ของแก. นั่นละเหตุผล.

แอ็กนัส: แต่แกเองก็ไม่ใช่มนุษย์...! แล้วทำไมข้าถึงด้อยกว่าแก !?

ดันเต้: แกสันนิษฐานว่ามนุษย์นั้นอ่อนแองั้นหรือ...เออ ใช่, แม้ว่าร่างกายของมนุษย์จะไม่มีความสามารถเหมือนปีศาจ,แต่มนุษย์ได้มีบางสิ่ง ที่ปีศาจไม่มี.

<แอ็กนัสจะจดบันทึกคำที่ดันเต้พูด.>

แอ็กนัส: อะไร...? อะไรคือสิ่งที่ปีศาจ มะ-มะ-ไม่มี? ได้โปรด, เห็นแก่งานวิจัยของข้า! ได้โปรด! บอกข้า!

<ดันเต้จะยิงกระดานบอร์ดที่จดบันทึกของแอ็กนัสซะกระจาย.>

แอ็กนัส: ไม่! ไม่, ไม่! โอ้ ไม่, ไม่ ไม่ ไม่ ไม่...

ดันเต้: ชั้นว่าแกไปทำงานวิจัยต่อในโลกหน้าก็แล้วกัน...

<แอ็กนัสพยายามเก็บรวบรวมเศษกระดานที่กระจาย,แล้วมองไปที่ดันเต้ที่มีปืน จ่อมาที่เขา.>

ดันเต้: อย่าลืมทำการบ้านเป็นอย่างแรกละ...

<ดันเต้ยิง,ใส่แอ็กนัสจนมันลงไปนอนตาย.>

ดันเต้: การพักผ่อนน่ะ ต้องอาศัยความเงียบนะ.

<แล้วดันเต้ก็ออกเดินทางต่อไป.>


MISSION EIGHTEEN :: THE DESTROYER

<ดันเต้มาถึงหอคอยพิธีกรรมที่มีดาบยามาโตะปักอยู่ เขาดึงมันออกมาจากผนึกสีแดง.และลงมาที่เมืองด้านล่าง.>

ดันเต้: ชั้นรู้ว่านี้คือสิ่งประดิษฐ์ที่เจ๋งมาก...แต่มันคงจะไม่ดีแน่ถ้าหากอยู่กับ พวกกบฎ.

< ดันเต้จะเดินถือเอาดาบยามาโตะไว้บนบ่า และได้เจอทริชที่เดินมาหาเขา.>

ทริช: เธอได้มันคืนมาแล้วหรือ?

<ดันเต้จะแบกดาบยามาโตะไว้และมองไปที่รูปปั้นเทพเจ้า.>

ดันเต้: นั่นอีกดาบนึง...

ทริช: เธอจะไปคนเดียวหรอ. ต้องการพนักงานช่วยไหม?

ดันเต้: ชั้นคิดว่าเธอคอยช่วยเหลือชาวบ้านคนอื่นดีกว่า. ถ้าเป็นไปได้พาพวกเขาออกจากที่นี้ซะ.

ทริช: รับทราบ.

<ดันเต้จะไปหารูปปั้นเทพเจ้าเพียงลำพัง.>

แซงค์ทัส: แกทำลายประตูนรก!

ดันเต้: ใช่... วิวไม่สวยหรือไงกัน. เอาเถอะ... แกพร้อมจะสู้กับชั้นตอนนี้หรือยังละ?

แซงค์ทัส: แกยังห่างไกลนักที่จะสู้กับชั้น!? แกไม่สามารถทำอะไรพลังของเทพเจ้าได้หรอก!

ดันเต้: พูดเหมือนกับว่าแกจะชนะงั้นละ...ถ้าอย่างนั้น, ชั้นก็ไม่ได้ยินเสียงแอ๊ดในคอของแกและมองชั้นจากพื้นสิ.

แซงค์ทัส: หุบปากซะ! ก่อนจะพูดอะไร ชั้นว่าแกควรจะดูสถานการณ์ให้ดีก่อนนะ?

ดันเต้: อยากตายแล้วงั้นหรือ?

<ดันเต้ต่อสู้กับอัศวินเกราะเหล็ก และกระโดดบินไป,จนถึงแท่นยืนหน้ารูปปั้นเทพเจ้า.>

ดันเต้: แล้ว, แกพร้อมที่จะกินคำพูดของแกหรือยังละ?

แซงค์ทัส: อยากจะบอกเลยนะ, ว่าความพยายามของแกมันเปล่าประโยชน์สิ้นดี.

<ดันเต้จะเข้าสู้กับรูปปั้นเทพเจ้า,โดยเขาจะต้องทำลายผนึกสีฟ้าตามร่าง กายของรูปปั้นเทพเจ้า.>

ดันเต้: รู้สึกว่าของจริงจะอยู่ข้างในนั้นสินะ...ดูเหมือนว่าชั้นจะต้องขอดูใกล้ๆซะ แล้ว!

<ดันเต้จะกระโดดไปมาและยิงผนึกสีฟ้าตามจุดต่างๆ แล้วจุดสุดท้ายที่อก,แต่เขาทำลายมันไม่ได้ด้วยดาบยามาโตะ.>

แซงค์ทัส: แม้จะเป็นดาบยามาโตะก็ตาม มันใช้ไม่ได้ผลกับพระเจ้าหรอก!

ดันเต้: ถ้ามันแข็งนักละก็...

<ดันเต้จะใช้ปืนยิงใส่ดาบยามาโตะให้มันพุ่งไปทะลุผนึกตรงอกเข้าไป.>

ดันเต้: ..แล้วแกก็ต้องออกมาจากข้างใน.

<รูปปั้นเทพเจ้าจะล้มลง.>

แซงค์ทัส: ไม่...! แกทำได้ยังไง!?

ดันเต้: ได้เวลาตื่นแล้ว เจ้าหนู, นายพลาดตอนสนุกๆหมดเลย.เนโร่!

<ข้างในรูปปั้นเทพเจ้า, แขนของเนโร่ออกมาจากรังไหมและหยิบดาบยามาโตะมาเปิดรังไหมออกไป.เขาตื่นขึ้น เพราะได้ยินเสียงของดันเต้ข้างนอก.>

ดันเต้: ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายแล้ว, เจ้าหนู!โอกาสที่จะช่วยโลกน่ะ ไม่ได้มีทุกวันนะโว้ย นายรู้ไหม!
จงรับรู้รสชาติของมันซะ.

เนโร่: นี้ละรสชาติของชั้น... งั้นก็มาทำเริ่มการเก็บกวาดกันเลย!


MISSION NINETEEN :: THE SUCCESSOR

ดันเต้: แล้วจะทำไงต่อละ เจ้าหนู, ชั้นว่าได้เวลาส่งใครคนนึงกลับนรกได้แล้ว!

เนโร่: อย่าห่วงเลย.

<ข้างนอก,ดันเต้จะยังสู้อยู่กับรูปปั้นเทพเจ้า.>

เนโร่: ชั้นจะไปทำสิ่งที่ควรจะทำละ!

ดันเต้: โชคดี,เจ้าหนู!

<เนโร่จะไปตามทางของเขา แล้วเขาจะต้องเล่นเกมส์ทอยเต๋าซึ่งจะมีปีศาจและบอสแต่ละตัวโผล่ออกมาให้ จัดการ,ส่วนดันเต้ก็ยังคงสู้อยู่ข้างนอกกับรูปปั้นเทพเจ้า.>

เนโร่: บอกชั้นหน่อยสิ เกิดอะไรขึ้นที่นี้บ้าง... !

ดันเต้: เฮ้, เจ้าหนู! นายน่าจะมาเห็นนะว่าชั้นกำลังทำอะไรอยู่!

เนโร่: ให้เดานะ คิดว่าเราลงเรื่อลำเดียวกันแล้วละ.


MISSION TWENTY :: LA VITA NVOVA

<เนโร่ไปตามทางของเขาแล้วเห็นไครี่อยู่ข้างใน.ขณะเดี๋ยวกัน,แซงค์ทัสก็ ปรากฎตัวออกมา.>

แซงค์ทัส: ความจริงแล้วข้าอยากให้ดันเต้เป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้นเทพมากกว่า.
บางทีนี้คงเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้ว.

เนโร่: สายไปแล้ว. ตอนนี้ ปล่อยไครี่ซะ!

แซงค์ทัส: ทำไมถึงขัดคำสั่งข้า? ข้ารู้ว่าเจ้าเริ่มที่จะอ่อนแรงแล้ว,แต่ข้าช่วยเจ้าได้นะ.

เนโร่: แกเลวมามากพอแล้ว แกโกหก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ
จัดการชั้น...แต่พอจัดการชั้นไม่ได้ แกก็ใช้ไครี่.

แซงค์ทัส: นั่นอะไรกัน? ความรักงั้นหรือ?

<ไครี่จะถูกดูดเข้าไปในแกนกลางของหัวใจ.>

เนโร่: ดูแกทำ.

<เนโร่จะยิงลูกพลังใส่แซงค์ทัส,แต่แซงค์ทัสหายตัวหลบได้.>

ดันเต้: เร็วเข้า, เจ้าหนู! จัดการมันซะที!

เนโร่: ชั้นจะจบมันเดี๋ยวนี้แหละ.

แซงค์ทัส: แกแน่ใจหรือ, เจ้าหนู!

<แซงค์ทัสจะโผล่มาอยู่ข้างหลังเนโร่.>

แซงค์ทัส: แม้ว่าจะมีรอยร้าวของพลัง, แต่พลังของพระเจ้าแค่นี้ก็สามารถจัดการแกได้.

<เนโร่กับแซงค์ทัสจะสู้กัน และเนโร่ชนะในที่สุด.>

แซงค์ทัส: พลังของสปาด้า...ทำไมแกไม่ให้ความแข็งแกร่งแก่ข้า!? ข้าไม่มีคุณสมบัติหรือไงกัน!?

เนโร่: อย่าเอามาเทียบกันดีกว่า. แต่ชั้นรู้ สปาด้านั้นมีหัวใจ. หัวใจที่รักคนอื่น,และเพื่อนมนุษย์. นั่นคือสิ่งที่แกไม่มีไงล่ะ.

<แซงค์ทัสจะจี้คอไครี่ไว้,เธอร้องครางในลำคอเพราะกลัว.>

เนโร่: ตอนนี้ละ ชั้นจะช่วยเธอให้ได้. อดทนไว้ก่อนนะ...

แซงค์ทัส: อย่าขยับไม่งั้น ข้าจะ...

<เนโร่จะเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ และขว้างดาบยามาโตะ. ใส่แซงค์ทัสที่มัวแต่มองดาบยามาโตะ เนโร่จึงใช้แขนอสูรจับเขากระแทกกับแกนหัวใจ.เนโร่คว้าดาบยามาโตะที่ลอยอยู่ ตัดเยื่อที่พันไครี่ไว้,แล้วใช้มันแทงเข้าที่ท้องของแซงทัส. แซงค์ทัสจะค่อยๆล้มลง,ไครี่จะร่วงลงมาจากแกนหัวใจ
เนโร่จะรับเธอไว้ได้พอดี. >

เนโร่: ขอโทดนะ ที่ชั้นมาช้าไปหน่อย. ไครี่...?

<ไครี่มองมาที่เนโร่ และกอดกัน. ขณะเดียวกัน,ดันเต้ซึ่งอยู่ข้างนอก,รูปปั้นเทพเจ้าจะต่อยเขา,ดันเต้จะพยายาม ใช้ดาบของเขาป้องกัน แต่ดูเมื่อการต่อสู้จะเสร็จสิ้นแล้ว.>

ดันเต้: มันจบแล้ว.

<ดันเต้มองไปที่ผนึกตรงอก.สักพักหนึ่ง,เนโร่ก็กระโดดลงมาพร้อมกับไครี่ใน อ้อมกอดของเขา.>

ดันเต้: ทันเวลาพอดีเลย.

เนโร่: อะไรกัน, ดูเหมือนนายอยากจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆหรือไง?

ดันเต้: ก็ดี, คงอีกยาวเลยละ และชั้นก็รอคอยเวลานี้อยู่ด้วยสิ?

<ข้างหลังพวกเขา,รูปปั้นเทพเจ้าจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง,โดยที่หน้าของมัน เป็นแซงค์ทัส.>

ดันเต้: เจ้านั่นอีกแล้ว อย่าให้มันหนีไปละ!

เนโร่: เมื่อมันมีเริ่มมันก็ต้องมีจบ และชั้นจะจบมัน... ด้วยมือของชั้นเอง.

ดันเต้: ตามสบายเลย...

<เนโร่จะดึงพลังจากแขนอสูร.>

ดันเต้: ไปเก็บมันซะ, เจ้าหนู.

<เนโร่จะหันมามองไครี่.>

เนโร่: คอยชั้นก่อนนะ...

<ไครี่เธอยิ้มให้และเนโร่ก็เดินไปหารูปปั้นเทพเจ้า.>

เนโร่: แกรู้ไหม ไอ้พระเจ้า, ชั้นเกลียดเหลือเกินที่แกทำให้แขนชั้นเป็นแบบนี้...แต่ตอนนี้ กับมันแล้ว,
ชั้นสามารถทำลายได้ทุกอย่าง.แล้วทุกสิ่งที่แกคิด...

<เนโร่จะใช้แขนอสูรของเขาจัดการรูปปั้นเทพเจ้าได้ในพริบตาเดียว,และมันก็ ล้มลง.>

เนโร่: ตอนนี้ ชั้นรู้แล้ว...

<เนโร่จะใช้แขนอสูร,กับหน้าของรูปปั้นเทพเจ้า.>

เนโร่: แขนข้างนี้เอาไว้ส่งพวกแกกลับนรกไงละ! และ...ตอนนี้...แก...ตาย!!!

<รูปปั้นเทพเจ้าล้มลงกับพื้นหลังจากถูกการโจมตีครั้งสุดท้ายของเนโร่,และ เนโร่ได้ปกป้องเมืองให้สงบสุขอีกครั้ง.>.>

เนโร่: ใช่เลย!


บทส่งท้าย

<เนโร่เดินมาหาดันเต้,ที่รออยู่ที่ลานน้ำพุ.>

เนโร่: ชั้นคิดว่า ชั้นควรจะขอบคุณนายนะ.

ดันเต้: แต่นั่นไม่สมเป็นนายเลยแฮะ. เพราะเดิมที่นายเอาแต่กวนประสาทชั้นน่ะ.

เนโร่: ใช่, พูดได้ดีนี้. แต่ยังไง,ชั้นก็ยังเป็นหนี้นายอยู่.

ดันเต้: อย่าพูดให้เหงื่อออกเลย.ชั้นมีเหตุผลของชั้นที่ช่วย...ดูแลตัวเองด้วยละ.

<ดันเต้ตบบ่าเนโร่,แล้วเดินจากไป.>

เนโร่: เดี๋ยว, นายลืมไอ้นี้.

<พรางยื่นดาบยามาโตะให้ดันเต้.>

ดันเต้: เก็บไว้.

เนโร่: อะไรนะ...?ชั้นคิดว่า มันมีความหมายต่อนายมากไม่ใช่หรอ...?

ดันเต้: คิดว่ามันเป็นของขวัญที่ชั้นให้ก็แล้วกัน. ชั้นอยากให้หมอนั่นเชื่อใจนาย และชั้นอย่างที่เป็นอยู่,
ทุกอย่างที่นายทำที่นี้น่ะ เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจของนาย.

เนโร่: เฮ้, ดันเต้!เราจะได้พบกันใหม่ใช่ไหม?

<ดันเต้ไม่หันมามองและยังคงเดินต่อไปพรางทำมือบอกลา, เนโร่ก็ดูดดาบของเวอร์จิลเข้าไปในแขนอสูร.>

ไครี่: ทุกอย่างจบลงแล้ว ใช่ไหม?

เนโร่: อาจจะนะ...อาจจะ.

ไครี่: บ้านเมืองเหลือแต่ซากปรักหักพังหมดเลย.

เนโร่:ใช่.

ไครี่: ชะ...ชั้นยังมีชีวิตอยู่, ใช่ไหม?

เนโร่:ใช่. เราทั้งคู่.ไครี่...ชั้นมันปีศาจ,ชั้นอาจจะไม่เหลือความเป็นคนไปมากกว่า นี้... แล้วเธอยังต้องการอีกหรือ?

ไครี่: รีบเข้ามากุมมือเนโร่ไว้ที่อกแล้วพูด: เนโร่,เธอคือเธอ.และเป็นเธอที่ชั้นต้องการอยู่ด้วย... ชั้นไม่สนใจว่า เธอจะเป็นมนุษย์หรือเป็นอะไรก็ตาม.

<เนโร่อึ้งนิดๆ ก่อนเอาสร้อยคอของเขาสวมให้เธอ พร้อมกับก้มลงจะจูบเธอ แต่เนโร่จะหยิบปืนมายิงปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันควัน มันมากันเป็นฝูง.>

เนโร่: ดูเหมือนว่าเราจะถูกขัดจังหวะนะ, จูบนั่นรอก่อนได้ไหม?

ไครี่: ได้สิ... ชั้นจะรอ.

เนโร่: ขอบใจนะ. งั้นก็...มาระห่ำกัน!

< หลังจากสู้เสร็จ เนโร่จะมายืนคู่กับไครี่ดูแสงตะวันตกดิน ไครี่จับมืออสูรของเนโร่ไว้แน่น เนโร่เขินอายนิดๆ ท่ามกลางซากปรักหักพังกับขนนกที่โปรยปราย ตัดมาที่ร้าน Devil May Cry เลดี้จาที่ร้านพร้อมถือกระเป๋าเงินมาให้ดันเต้ .>

เลดี้: ชีวิตนายนี้มันเคว้งคว้างจริงๆนะ. ต้องนี้ชั้นก็ได้ทำสิ่งสุดท้ายในงานของชั้นซะที.

<เลดี้วางกระเป๋าเงินไว้บนโต๊ะ,ดันเต้ยังคงอ่านนิตยสารดาราต่อไป ทริชจะมานั่งบนโต๊ะและเปิดกระเป๋าเงิน ซึ่งมีเงินอยู่แค่ม้วนเดียว.>

ทริช: นี้ก็คงเป็นเงินแบบเคว้งคว้างสินะ เธอไม่คิดว่ามันจะต้องมากกว่านี้หรอ? เธอเรียก...
ไอ้นี้ว่า เงินค่าจ้างหรือ?

เลดี้: มากกว่านี้หรือ? นั่นคงไม่รวมความผิดที่พวกเธอ ทำตัวเป็นบันไดเลื่อน เลื่อนระดับตำนวนสปาด้าให้เป็นได้แค่เรื่องของไฟฉายสินะ?

< ทริชกับเลดี้มองสบตากันมาที่ดันเต้ ซึ่งมองตอบพวกเธอ และทำทีเป็นอ่านนิตยสารต่อ,ทริชเลยดึงนิตยสารจากมือดันเต้มาวางไว้บน โต๊ะ.>

ดันเต้:เฮ้! นี้ไม่ใช่การแตกคอกันที่ดีเลยนะ!

ทริช: นี้มันเรื่องของเธอนะ,ดันเต้.

ดันเต้:ใช่...แต่แหม เราก็จัดการได้เรียบร้อยดี, ไม่ใช่หรือ?

เลดี้: แหม...งั้นจัดการกันเองละกัน.

<เลดี้จะเดินจากไป มีโทรศัพท์เข้ามาพอดี ทริชเป็นคนรับสาย เลดี้เลยยืนรอฟัง.>

ทริช: " ร้าน เดวิล เมย์ คราย".

< เมื่อคุยได้สักพัก ทริชก็หันมามองดันเต้.>

ทริช: เป็นลูกค้ากับคำใบ้ปริศนา. พวกเขาอยู่ใกล้ๆนี้เอง. เราจะเอายังไงดีละ?

<ดันเต้ปิดนิยสาร ยิ้มพรางทุบโต๊ะ>

ดันเต้: เธอต้องถามด้วยหรือ?

< ดันเต้เตรียมดาบและถือปืนเดินไปที่ประตู.>

เลดี้: จะไปคนเดียวหรอ? ชั้นไปด้วยได้ไหม?

ดันเต้: อยากทำอะไรก็ทำ, แต่อย่าหวังว่าจะได้แจมเชียว.

เลดี้: ไม่มีเรื่องไหนตื่นเต้นเร้าใจเท่าเรื่องนี้แน่... ! เธอก็ว่างั้น,ใช่ไหม?

ทริช: ชั้นไม่อยากโกหกเท่าไร.

ดันเต้: โอเค, พวกเธอพร้อมกันหรือยัง?

<ดันเต้ถีบประตู.>

ดันเต้:เข้ามาเลย,พวก!

ทุกคนพูดพร้อมกัน: มาระห่ำกัน!

The End


ขอขอบคุณ Decibel per - oxide ผู้เขียนบทสรุปนี้
ที่มา http://www.gameonlineboard.com/board/thread-113226-1-1.html 

Related Post



แสดงความคิดเห็น